แนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายนิดเดียว

                เป็นคำแนะนำที่ง่ายๆ แต่ทำยากแสนยาก หนังสือเล่มไหนๆ ก็บอกกันเป็นเสียงเดียวกันว่า

1.ควบคุมอาหาร

2.ออกกำลังกาย

3.วินัยอันมั่นคงแน่วแน่ ว่าจะแน่วแน่แก้ไข ไล่น้องไขมันให้จงได้ ไชโย บราโว่ โอม น้องไขมันจงออกไป

                ง่ายไหมค่ะ แต่จะมีใครทำได้สักกี่คน  ถ้าไม่ได้ตั้งใจกันจริงจัง ตั้งเป้าหมายกันให้ชัดเจนแล้วละก็ คงได้แต่ฝันเท่านั้นละคะ ขยันสุดๆ ก็จะต้องออกกกำลังกาย ถ้าจะขยันน้อยกว่าออกกำลังกายหน่อยก็คงไปเข้าคอร์สลดน้ำหนักกันหลายหมื่น หรือไม่ก็ซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักที่มีขายกันทั่วไป หรือไม่สุดท้ายก็ไปผ่าตัดเอาไขมันออกไป แต่ขอบอกว่า เราทำได้แล้วจริงๆ กับการออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนัก ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน พยายามยันจนเอาน้องไขมันออกไปได้สำเร็จมาแล้ว13 กิโลกรัมในช่วงปีแรก แล้วก็ค่อยๆยันออกไปอีก 3 กิโลกรัมต่อมา ผลปรากฏว่า ผอมเพรียวลมไปเลย จนคนแถวบ้านถามว่า ไปทำศัลยกรรมมาเหรอ ทำไมเปลี๋ยนไปได้ขนาดนี้ เหมือนคนละคนมากๆ นี่ถ้าต้องทำศัลยกรรมกันจริงๆ คงต้องทำกันทั้งตัวแน่ๆ เพราะว่ามันอ้วนทั้งตัวไปแล้วค่ะ

                ทีนี้จะอธิบายเกี่ยวกับน้องไขมันให้ฟังนะคะ ว่า ทำไม๊ ทำไม เราถึงจะต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้น ถึงจะได้ผลจริงจัง

                สมมุติว่า ในร่างกายของเรามีน้องไขมันอยู่ประมาณ 100 ตน กระจายอยู่เป็นหย่อมๆทั่วไปในร่างกายของเรา ขึ้นอยู่กับว่า เรามีรูปร่าง ลักษณะเป็นอย่างไร

1.ถ้าเราเป็นคนที่ช่วงบนใหญ่ ช่วงล่างเล็ก และตรงกลางก็ยังมีพุงซึ่งมีทั้งภาคกลางตอนบนคือพุง และภาคกลางตอนล่างคือหน้าทอง มาแบ่งกั้นเขตแดนอยู่ระหว่างภาคเหนือตอนบน ( คือช่วงไหล่ บ่า หน้าอก ) และภาคใต้ ( ก้นและสะโพก ) อย่างชัดเจน น้องไขมันก็จะกระจายตัวอยู่ทั่วไปทางด้านเหนือมากหน่อย ไล่ระดับลงมาจนถึงภาคใต้ ภาคใต้ตอนล่างหรือก็คือน่องจะมีน้อยมากที่น้องไขมันจะมาฝังรกราก บางคนภาคเหนือตอนบนจะใหญ่อย่างไรแต่น่องก็ยังแอบมีเรียวงามไปได้ ส่วนอื่นๆของร่างกายก็จะมีน้องไขมันกระจายอยู่เป็นหย่อมๆ เป็นพวกรักสันโดษหรือชนกลุ่มน้อย

2.ถ้าเราเป็นคนช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ และตรงกลางก็ยังแอบมีพุงอยู่ดีนั่นแหละ เหมือนจะเป็นการแบ่งแยกเขตแดนกันให้ชัดเจนกันไป รูปร่างลักษณะนี้ ชุมชนทางภาคเหนือจะมีน้อยกว่าชุมชนทางภาคใต้ หน้าอกหน้าใจจะพากันหายไปหมด น้องไขมันจะอพยพกันลงใต้ ซึ่งจะนิยมก่อม็อบกันอยู่แถวช่วงภาคใต้ตอนบน บั้นท้ายจะใหญ่เป็นพิเศษ น่องก็จะรองลงมาเป็นรองนางงามอันดับที่ 1

3.ถ้าเราเป็นคนรูปร่างตรงๆ คือมีน้องไขมันกระจายกันอยู่ทั่วทุกภาค ตัวก็จะดูกลมๆน่ารัก อ้วนไปทั้งตัว รูปร่างประเภทนี้ เป็นพวกรักความเป็นธรรม จะมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างเป็นธรรม กระจายน้องไขมันกันไปอยู่ตามภาคต่างๆกันอย่างทั่วถึง คือใหญ่ไปทั้งตัว ไม่มีแบ่งน้องไขมันไปทางภาคเหนือมากกว่าภาคใต้ หรือแบ่งน้องไขมันไปมากกว่าทางภาคเหนือ  เน้นเท่าๆกันเข้าไว้

                ทีนี้ก็มาลองนึกดูเล่นๆ ว่า ถ้าร่างกายของเรามีน้องไขมันอยู่ 100 ตน แบ่งไปตามลักษณะรูปร่างต่างๆแล้ว ในแต่ละวันที่เราทานอาหารเข้าไป น้องไขมันที่มีอยู่ในตัวเราจะทำอย่างไร น้องไขมันที่มีอยู่ในตัวแล้วก็จะตั้งตนเป็นน้องไขมันรุ่นพี่ ที่คอยตั้งกลุ่มรับน้องไขมันรุ่นใหม่ๆเข้ามา ในแต่ละวันที่เรารับประทานอาหารเข้าไป ไขมันเฟรชชี่จะมีมาใหม่ทุกวัน ยิ่งวันไหนเรากินอาหารที่มีน้องไขมันมากเป็นพิเศษ ก็จะมีน้องไขมันผ่านเข้าสู่ร่างกายกันเป็นกลุ่มใหญ่ เท่ากับว่า มีน้องใหม่สอบติด ENTRANCE กันได้เยอะ  น้องไขมันรุ่นพี่นั้น ถ้าเราไม่ได้ออกกำลังกายเผาผลาญมันออกไปในแต่ละวันละก็ มันก็จะไม่ไปไหนยังคงกักเก็บตัวอยุ่ตามจุดสำคัญต่างๆ แต่ถ้าวันไหนเราใช้พลังงาน น้องไขมันอาจจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงาน จากน้องไขมัน 100 ตน อาจจะลดลงไปเหลืออยู่ในร่างกายแค่  90 ตน แต่ถ้าเรากินอาหารพาน้องไขมันเฟรชชี่เข้ามาวันละ 20 ตน มันก็เท่ากับว่า ร่างกายเรามีน้องไขมัน 110 ตนไปแล้ว

                บรรดาน้องไขมันทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ หรือรุ่นเฟรชชี่ก็ตาม จะชื่นชอบเจ้าของร่างกายที่ชอบอดอาหารเป็นพิเศษ เพราะว่าร่างกายคนเราโดยธรรมชาติแล้ว มันจะกลัวอดตาย ยิ่งเราอดอาหารมากเท่าไร คุณร่างกายของเราก็จะช่วยกันกางบาเรียขึ้นมาป้องกันน้องไขมันไม่ให้กระเด็ดหลุดออกจากร่างกายเราทันที  เพราะกลัวว่า ขืนปล่อยให้น้องไขมันหลุดออกไปง่ายๆ  อันตรายจะเกิดขึ้นกับร่างกายแน่นอน ดังนั้นเมื่อเราอดอาหารได้สักอาทิตย์ สองอาทิตย์ คุณร่างกายก็จะทำการยิงจรวดมิซไซส์ชนิดความอยากอาหารตรงสู่เป้าหมายสำคัญคือสมอง ให้เราทนต่อไปไม่ได้แล้ว รีบรับประทานอาหารด่วนเลย เพื่อทำการเปิดรับสมัครน้องไขมันเข้าสู่ มหาวิทยาลัยร่างกายโดยด่วน แล้วแต่ว่า ภาคไหนเป็นมหาวิทยาลัยหลัก  ร่างกายส่วนต่างๆนอกนั้นจะเป็นพวกสาขาวิทยาเขต แล้วเราก็จะกระหน่ำกินอย่างไม่ยั้ง ไอ้ที่อดอาหารลดไปได้ มันจะกลับมาสองถึงสามเท่า รวมถึงการอดอาหารได้เพราะฤทธิ์ยาด้วยแล้ว จะหนักกว่าการอดปกติ จะเกิดปฏิกิริยา YOYO EFFECT เด้งกลับมาเหมือนเพลงพี่เบิร์ด น้องไขมันเป็นเหมือนดั่งมูมเบอแรง ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว โฮ่ๆๆๆ

เราถึงจำเป็นต้องควบคุมอาหารไงค่ะ เราไม่จำเป็นต้องอดอาหาร ทานได้หมดทุกอย่าง ถ้าเราเป็นโรคที่ต้องจำกัดอาหารบางประเภทก็จำเป็นที่จะต้องงด ก็ควรจะงดเสียเถอะค่ะ ก่อนที่จะไม่มีชีวิตให้งด แต่ถ้าเราไม่มีเหตุผลที่จะต้องอดแล้ว จะอดไปทำไมค่ะ ทานมันเข้าไปเถอะค่ะ แต่ใช้วิธีที่ทานอาหารด้วยการกระจายความอยากกินในแต่ละวันแทน และทานวันละนิด  เช่น เราชอบทานข้าว มันไก่ ข้าวขาหมู ขนมเค็ก คุ๊กกี้ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง  วันนี้ เราก็ทานข้าวมันไก่ 1 จาน แล้วก็เค้ก 1ชิ้น ที่ 1ชิ้นเราก็อย่าทานให้หมดในวันเดียว แบ่งทานไปได้ถึง3-5 วัน เท่ากับเราก็ได้ทานเค้กแล้วนะ เราไม่ได้อด ทำไมให้ทานแค่นี้ ก็ทานมากแครอลลี่ก็มีเยอะ ทานแต่น้อย ก็ได้ไปน้อย อยากทานคุ๊กกี้ ก็ชิ้นเล็กชิ้นเดียวก็พอแล้ว ทานอย่างละนิดไงค่ะ ก็ได้ทานหลายอย่างสมใจ และก็อย่าทานติดกันทุกวัน ทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย และก็อย่าลืมทานผัก ผลไม้ด้วยในแต่ละวัน ดังนี้ตอนนี้ทางราชการกำลังรณรงค์ให้เราทาน ผักครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง เอ๊ย ไม่ใช่  ผักครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง เพื่อป้องกันน้องมะเร็ง

                ทีนี้เมื่อเราควบคุมการทานอาหารในแต่ละวันได้แล้ว น้องไขมันเฟรชชี่ก็จะเข้าสุ่ร่างกายน้อยเหมือนเป็นมหาลัยวิทยาลัยปิด รับน้องไขมันจำนวนจำกัด ถ้าเราทานไม่ควบคุมเลยก็เป็นมหาวิทยาลัยเปิด ไม่จำกัดน้องไขมันว่าจะเป็นอาหารเชื้อชาติไหน สัญชาติไทย อายุเท่าไร เปิดโอกาสให้ได้ร่ำเรียนกันศึกษาหาความรู้กันทั่วไปตามร่างกาย ทานอาหารไม่บันยะบันยัง ไม่ออกกำลังกาย น้องไขมันก็เรียนมหาลัยร่างกายของเราไปเรื่อยๆ บางคนเหมือนคุณแม่อุ้มท้องข้ามชาติกันไปเป็นสิบปี ไม่เคยคิดจะให้ลูกคลอดมาดูโลกภายนอก จะเก็บเอาน้องไขมันไว้ทำไมค่ะ  เอาน้องไขมันออกมาดูโลกภายนอกกันดีกว่าไหมค่ะ

                ออกกำลังกายประจำ ควบคุมอาหารตลอด แต่ไม่ใช่อดหรือคอยคำนวณแคลอรี่กับอาหารทุกชนิดกันเลยนะค่ะ อันนั้นเป็นทุกข์ค่ะ จะเกิดอาการวิตกจริตได้ เห็นอาหารอะไรก็ ไม่ได้ๆ ไอ้นั่นแคลอรี่สูง เกินพิกัดในแต่ละวัน ไอ้นี่ก็ไม่ได้ใหญ่ กินเข้าไปละน้ำหนักขึ้นมาสองกิโลฯเชียวนะยะ เลยกลายเป็นว่า พอน้ำหนักลด เป็นโรคจิตแทน ไปหาคุณหมอรักษาโรคจิตต่อ ได้อย่างเสียอย่างไปซะงั้น ทางสายกลางนะเจ้าค่ะ ท่องไว้ อย่าลืม สำคัญ

                การออกกำลังกายก็อย่าหักโหม ทางสายกลางเหมือนกันคะ ถ้าไม่เคยออกกำลังกายเลย แรกๆ ก็เริ่มที่เบาๆ ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการออกเข้าไป วันละไม่เกิน 1 ชม. กำลังดีค่ะ ทำได้ดังนี้ประจำ เห็นผลแน่นอน ผอมสวย หุ่นดี สุขภาพจิตดี มั่นใจตนเอง อย่าไปเล่นแบบนี้เด็ดขาด เช่น มีพุงเลยซัทอัพมันละ 200- 300 ครั้ง  วิ่ง 30 นาทีเอย ว่ายน้ำ 30 นาทีเอย ยกเวทเป็น 50 เที่ยวต่อท่าเอย  ทำทุกอย่างภายในวันเดียว พอว่างแล้วทำหนักๆ แบบนี้ พอไม่ว่างขึ้นมาหรือเบื่อขึ้นมาก็หยุด ร่างกายยังไม่ทันเข้าที่ดีเลย ตัวจะเด้งบวมกลับเข้ามาทันที ทำให้ตกใจคิดว่า ออกกำลังกายแล้วเท่าไรก็ไม่ผอม เป็นเพราะหักโหมออกกำลังกายโดยไม่พอดี และเมื่อออกกำลังกายหนัก บางครั้งก็รับประทานหนัก และออกกำลังกายหนัก มันก็ผอม แต่พอหยุดออกกำลังกายเวลาไม่ว่างไงค่ะ แต่ทานเท่ากับตอนที่ออกกำลังกายอย่างหนัก น้ำหนักก็เด้งพรวด แล้วก็มาโทษว่า ออกกำลังกายก็ไม่ได้ผล  พาลเลิกออกกำลังกายไปซะงั๊น มีคาถาแจกค่ะ สำหรับคนที่อยากสุขภาพดี หุ่นงาม จิตใจดี ถ้าควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายให้สำเร็จ  คาถาที่ว่า คือ โอม วินัยแน่วแน่ โอมวินัยแน่วแน่  โอม.....   ถ้าทำได้ดังที่กล่าวมาทั้งหมด รับประกันว่าจะเสร็จสมอารมณ์หมายเจ้าค่ะ

บทความนี้ไม่เน้นวิชาการค่ะ เน้นเข้าใจง่าย เรื่องออกกำลังกายและมีวิชาการแน่นปึ๊ก ต้องบทความนี้ค่ะ มีเพื่อนเอาบทความที่เราเขียนไว้ มาลงที่นี่ ไปตามอ่านกันได้ค่ะ

http://www.jobpub.com/articles/showarticle.asp?id=179

CATSAN   31/12/2547

[email protected]