นักวิจัยกลุ่มเดิมก็ได้ศึกษาอีกในเรื่องนี้ เนื่องจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ก็ได้มีเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตเช่นกัน การรับข่าวสารทาง PDA เป็นทางเลือกหนึ่งที่ทำได้ดีกว่าเพราะนักวิจัยเหล่านั้นชี้แจงว่า การใช้ PDA เป็นการใช้แบตเตอรี่ และเป็นแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์ตไฟใหม่ได้ อยากรับข่าวสารก็ download ข่าวจากนิวยอร์ไทม์มาอ่าน นอกจากนั้นเขาก็พบอีกว่า การใช้ PDA 1 เครื่องต่อหนึ่งคนในการอ่านข่าว จะปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซมาแค่ 5 กิโลกรัมเท่านั้น ก็จะเห็นได้ชัดว่าการอ่าน PDA บนโต๊ะอาหารตอนเช้าแทนการอ่านหนังสือพิมพ์ ย่อมตุ้มค่ากว่า เพราะเราต้องใช้ PDA ในการทำงานอยู่แล้ว สำหรับคนที่มี

แต่..ดูแล้วไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะที่จะทำอย่างนั้น เพราะอย่างพวกเราหาเช้ากินค่ำ เงินทองจะซื้อจะหา PDA มาใช้ยังไม่มีเลย ถึงมีก็คงจะลำบากที่ต้องมานั่งอ่านข่าวทางหน้าจอเล็กๆ ใน PDA บนโต๊ะอาหาร ซุ่มซ่ามอย่างเราอาจจะทำน้ำหกใส่เครื่อง ยิ่งแย่กันไปใหญ่   

ดิฉันมีทางออกค่ะ สำหรับคนที่ทำงานและต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน สละเวลาซักนิดตอนเช้าก่อนเริ่มงานหรือตอนพักเที่ยงอ่านข่าวทางอินเตอร์เนต ซึ่งมีหลาย website ที่นำเสนอข่าวที่น่าสนใจรวมทั้งหนังสือพิมพ์หลายฉบับก็มี website เป็นของตัวเอง แล้วคนที่ไม่สามารถเข้าไปใช้อินเตอร์เนตได้หล่ะทำอย่างไรดี ก็โทรทัศน์ไงคะ ช่วงนี้สถานีโทรทัศน์หลายช่องแข่งกันนำเสนอข่าวกันอย่างดุเดือด ผู้บริโภคอย่างเราก็ได้ประโยนช์ แต่ก็ขอให้รับข่าวอย่างมีสตินะคะ อย่าเชื่อในทุกเรื่องที่เขาพูด จงเชื่ออย่างใช้วิจารณญาน เหตุและผล ถ้ามีเวลาก็ให้ดูหลายๆ ช่องสัญญาณก็ดีนะคะเพื่อเปรียบเทียบข้อมูลและไม่ยึดติดกับนักข่าวท่านใดเป็นพิเศษ

ดิฉันเขียนบทความนี้ขึ้นมา ไม่ได้ออกมาโจมตีผู้ผลิตหนังสือพิมพ์ หรือให้คนเลิกซื้อหนังสือพิมพ์อ่านนะคะ เพียงแต่ออกมาบอกว่าหนังสือพิมพ์ก็ยังมีอะไรบางอย่างที่บางทีเราอาจมองไม่เห็นซ่อนอยู่ ถ้าเราเลือกได้ขอให้นำสิ่งที่ดิฉันยกขึ้นมากล่าวในวันนี้มาคิดซักนิด แต่ถ้าคนที่ไม่มีทางเลือกมากนัก...ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีคอมพิวเตอร์ ก็ให้อ่านหนังสือพิมพ์เถอะค่ะ อย่าปิดหูปิดตาตัวเองเลย หรือถ้าไม่มีเงินซื้อหนังสือพิมพ์ก็ไปร้านขายอาหารทั่วไปได้ หรือพูดคุยกับผู้รู้มากๆ บ่อยๆ เท่านี้คุณก็รู้เท่าทันคนอื่น แถมยังช่วยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและโลกของเราแล้ว

เก็บสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้คนรุ่นหลังได้เห็นนะคะ

หมายเหตุ: ข้อมูลเชิงตัวเลขได้มาจาก http://www.sciencenews.org/articles/20040612/fob7.asp