We should aware of this.
เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นบ่อยมาก เพื่อความไม่ประมาท กรณีทำธุรกรรมต่าง ๆ ให้ระบุข้อความลงในเอกสารสำคัญทุกครั้ง พร้อมทั้งลงวันที่ที่ทำ
สัญญานั้น ๆ ให้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
Subject: Fw: การป้องกันบัตรประชาชน
นสพ.เดลินิวส์ เสนอบทความกรณีตำรวจจับกุมขบวนการลักลอบนำ "สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน" ซึ่งเจ้าของสำเนาบัตรฯ นำไปใช้ในการสมัครงาน สมัครบัตรเครดิต สมัครสมาชิกร้านวิดีโอ เช่าหนังสือ ฯลฯ นำไปขายในราคาใบละ 50 บาท ให้แก๊งที่ลักลอบนำสำเนาบัตรฯ ดังกล่าว ไปซื้อโทรศัพท์มือถือโดยอาจมีการถ่ายสำเนา 3 ชุด นำไปซื้อมือถือของทั้ง 3 ค่าย คือ "เอไอเอส-ดีแทค-ออเร้นจ์" บางค่ายอาจซื้อเฉพาะซิมการ์ดพร้อมเบอร์แค่ 800-990 บาท โดยไม่ต้องซื้อเครื่อง จากนั้นก็นำซิมการ์ดเหล่านี้ไปขายในราคาตั้งแต่ประมาณ 1,300-1,800 บาท และซิมการ์ดส่วนหนึ่งจะมีการขอเปิดใช้บริการ โทรฯ ข้ามแดนอัตโนมัติโดยมีคนในศูนย์บริการค่ายมือถือบางแห่งรู้เห็นเป็นใจแลกกับเงินตอบแทน แล้วซิมการ์ดเหล่านี้ก็จะถูกนำไปขายในราคาประมาณ 10,000 บาทให้พวกที่ตั้งโต๊ะให้บริการเช่าโทรศัพท์มือถือรายนาทีขายให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรืออยู่ในเมืองไทย นำไปให้บริการ หรือนำไปโทรศัพท์กลับประเทศ โดยไม่มีการจ่าย "ค่ารายเดือน-ค่าโทรฯ" อีก พอ "ถูกตัด" ก็ทิ้ง ซื้อใหม่ ซึ่งผู้ที่ถูกนำสำเนาบัตรฯ ไปแอบอ้างจะถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายนั้น
ทางค่ายดีแทคแนะนำว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ผู้เสียหายหรือผู้ที่ถูกแอบอ้างต้องทำคือ นำบิลค่าโทรศัพท์ที่มีการทวงถามไป "แจ้งความ" กับตำรวจเป็นหลักฐาน จากนั้นนำใบแจ้งความมามอบให้กับสำนักงานบริการของบริษัท ทางเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบและติดตามเรื่อง โดยใช้เวลาประมาณ 150 วัน ผู้เสียหายไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ เพียงแต่ต้องเสียเวลาบ้าง ส่วนทางค่ายเอไอเอส แนะนำว่าขอให้ผู้เสียหายนำบิลค่าโทรศัพท์นั้นไปแจ้งความ แล้วนำหลักฐานมาส่งให้ทางสำนักงานบริการสาขาใดก็ได้เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบ ขอให้ผู้เสียหายสบายใจได้ ถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็ไม่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ซึ่งปัญหานี้ทางบริษัทก็พยายามเข้มงวดเพื่อป้องกันอยู่ ขณะที่ค่ายออเร้นจ์ แนะนำว่า เมื่อเกิดเรื่องและผู้เสียหายไปแจ้งความไว้แล้วบริษัทจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับตำรวจเพื่อตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรซึ่งก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบระยะหนึ่ง ทางด้านนาย ธนา เบญจาทิกุล เลขาธิการสภาทนายความ ระบุว่าเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นผู้เสียหายอาจร้องต่อศาลว่าตนไม่ใช่ผู้กระทำผิด ซึ่งศาลท่านก็ทราบดีว่าเหตุการณ์แบบนี้มีมาก ก็อาจจะให้ผู้เสียหายเซ็นลายมือชื่อให้ดูต่อหน้า หากลายเซ็นไม่เหมือนกันก็อาจพิจารณายกฟ้องตรงนั้นเลยก็ได้ สำหรับวิธีป้องกันสำหรับประชาชนก็คือ
(1) ต้องรักษาดูแลบัตรประชาชน-ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารสำเนาต่าง ๆ อย่าให้ตกหล่นสูญหาย เพราะอาจมีคนแอบอ้างนำไปใช้
(2) เวลาเซ็นเอกสารสำเนาในการทำธุรกรรม ต่าง ๆ ควรเซ็นต่อหน้าขณะทำสัญญากัน อย่าเซ็นไว้ล่วงหน้า
(3) ควรเขียนข้อความกำกับการใช้ทุกครั้งด้วยว่าเอกสารสำเนานั้นใช้เพื่อการใด
(4) ควรเขียนหรือเซ็นทับบริเวณบัตร เพื่อป้องกันและสร้างความยากลำบากในการปลอมแปลงและแอบอ้างนำไปใช้ ก็อาจจะป้องกันได้ในระดับหนึ่ง