หลักสูตร CFA หรือ Chartered Financial Analysts เป็นหลักสูตรสำหรับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยเริ่มมีการสอบขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 แต่เดิมอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ The Institute of Chartered Financial Analysts (ICFA) จวบจนถึงปี ค.ศ. 1990 จึงได้เปลี่ยนมาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Association for Investment Management and Research (AIMR) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Charlottesville รัฐ Virginia ประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เหมาะสมกับชื่อหลักสูตรมากขึ้น ในปี ค.ศ. 2004 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น CFA Institute จวบจนถึงปัจจุบัน
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งหลักสูตร CFA นี้ขึ้น ก็เพื่อเป็นใช้เป็นใบอนุญาตมาตรฐานสำหรับการประกอบวิชาชีพทางด้านการวิเคราะห์หลักทรัพย์ในระดับสากล รวมถึงการสนับสนุนให้มีหลักการปฏิบัติวิชาชีพ และจรรยาบรรณในการให้บริการของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์แก่นักลงทุน โดยหลักสูตร CFA สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ ดังนี้
CFA ระดับที่ 1 เป็นการสอบความรู้เบื้องต้นที่เกี่ยวกับการประเมินมูลค่าการลงทุน และการบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ โดยข้อสอบในระดับที่หนึ่งนี้จะเป็นแบบปรนัย (Multiple Choices) ทั้งหมด แต่ละคำถามจะมีทั้งสิ้น 4 ตัวเลือก ซึ่งการสอบจะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้งในเดือนมิถุนายน และเดือนธันวาคมของทุกปี ใช้เวลารวมในการสอบทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง หรือ 360 นาที แบ่งการสอบออกเป็นช่วงเช้า 120 ข้อภายในเวลา 3 ชั่วโมง และช่วงบ่ายอีก 120 ข้อภายในเวลา 3 ชั่วโมงเช่นกัน
CFA ระดับที่ 2 เป็นการสอบเชิงลึกเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าการลงทุน โดยข้อสอบในระดับที่สองนี้จะเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือกเช่นเดียวกัน แต่จะเน้นที่การนำเอาความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบปัญหาจากกรณีศึกษา (Case Study) ทั้งนี้การสอบจะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง ในเดือนมิถุนายนของทุกปี โดยแบ่งออกเป็นช่วงเช้า 3 ชั่วโมง และช่วงบ่ายอีก 3 ชั่วโมง
CFA ระดับที่ 3 เป็นการสอบเชิงลึกเกี่ยวกับการบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ โดยข้อสอบในระดับที่สามนี้ครึ่งหนึ่งจะเป็นแบบอัตนัย (Essay) และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก ซึ่งเน้นที่การนำเอาความรู้มาประยุกต์ใช้เพื่อตอบปัญหาจากกรณีศึกษา และเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในตลาดเงินตลาดทุนโลก โดยจัดสอบขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น ในเดือนมิถุนายนของทุกปี แบ่งออกเป็นช่วงเช้า 3 ชั่วโมง และช่วงบ่ายอีก 3 ชั่วโมง
สำหรับรูปแบบการสอบนั้น เพื่อความเป็นมาตรฐานสากล ทั้งคำถาม และคำตอบจึงเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด โดยเนื้อหาสำหรับการเตรียมตัวสอบทั้ง 3 ระดับจะคลอบคลุมหัวข้อรายวิชาดังต่อไปนี้
o จรรยาบรรณ และหลักการปฎิบัติวิชาชีพ (Ethical and Professional Standards)
o การวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative Methods)
o เศรษฐศาสตร์ (Economics)
o การวิเคราะห์งบการเงิน (Financial Statement Analysis)
o การเงินธุรกิจ (Corporate Finance)
o การลงทุนในตราสารทุน และตราสารหนี้ (Equity and Fixed-Income Investment)
o การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ (Derivative Investment)
o ทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ (Alternative Investments)
o การบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ (Portfolio Management)
แม้ว่าหัวข้อรายวิชาของ CFA จะอ้างอิงมาจากตำราทางวิชาการ แต่จะแตกต่างจากหลักสูตรทางวิชาการตามมหาวิทยาลัยทั่วไป ตรงที่เน้นการนำเอาความรู้ที่ผู้เข้าสอบมีมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานด้านการวิเคราะห์ และจัดการการลงทุน ภายใต้หลักปฏิบัติวิชาชีพ และจรรยาบรรณที่กำหนด โดยเนื้อหาของการสอบจะพัฒนาขึ้นมาจากการสำรวจความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า ความรู้ในด้านใดซึ่งเป็นที่ต้องการของการประกอบวิชาชีพบ้าง ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการที่ผู้เข้าสอบพึงมี ทั้งนี้ผู้เข้าสอบต้องจบปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำโดยจะจบจากสาขาใดก็ได้ และต้องมีประสบการณ์การทำงานในด้านการเงินการลงทุนไม่น้อยกว่า 4 ปี ตามข้อบังคับที่กำหนดขึ้นโดย CFA Institute
อย่างไรก็ตาม การสอบ CFA นี้ ผู้เข้าสอบไม่สามารถทยอยสอบแยกตามรายวิชาได้เหมือนกับหลักสูตร CISA ต้องทำการสอบเป็นระดับๆ ไป และดำเนินการสอบเลื่อนขั้น โดยเริ่มต้นจากหลักสูตร CFA ระดับที่ 1 ไปจนถึงระดับที่ 3 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุด โดย CFA Institute จะทำการกำหนดเกณฑ์คะแนนขั้นต่ำสุดสำหรับการสอบผ่าน (Minimum Passing Score) ขึ้นมาในแต่ละปี และหลังจากที่สอบผ่านหลักสูตร CFA ในระดับที่สูงสุดแล้ว ผู้สมัครยังคงต้องปฏิบัติตามหลักปฏิบัติวิชาชีพ และจรรยาบรรณ รวมทั้งต้องมีประสบการณ์การทำงานตรงตามข้อบังคับที่กำหนดขึ้นข้างต้นเสียก่อน จึงจะสามารถได้รับใบประกาศนียบัตรทางการเงิน และประกาศตนเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาต CFA หรือ CFA Designation โดยการใช้ CFA ต่อท้ายชื่อ และนามสกุลของตนได้
ในปัจจุบัน CFA Institute ได้มีการจัดตั้งศูนย์สอบในประเทศไทยขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้เข้าสอบไม่จำเป็นต้องเสียเงินบินไปสอบในต่างประเทศเหมือนเช่นในอดีต ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีจำนวนผู้เข้าสอบ CFA เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศไทย และในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกให้เห็นถึงความสำคัญของหลักสูตร CFA ในวงการการวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้เป็นอย่างดี
สำหรับการเตรียมตัวสอบหลักสูตร CFA นั้น อาจทำได้โดยการสั่งซื้อคู่มือซึ่งจัดทำขึ้นโดย CFA Institute เอง หรือจากสถาบันฝึกอบรมในต่างประเทศมาอ่านเตรียมสอบด้วยตนเอง (Self-study) หรืออาจเลือกเข้าอบรมกับสถาบันฝึกอบรมทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศที่เปิดหลักสูตรเพื่อเตรียมตัวสอบ CFA ก็ได้ ทั้งนี้ผู้ที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการลงทะเบียนสมัครสอบ สามารถอ่านรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ www.cfainstitute.org