เมื่อประมาณปลายปี 2548 ผมมีภาระกิจที่จะต้องขึ้นไปทำ Light & Sound ให้กับบริษัท Organize แห่งหนึ่งจากกรุงเทพฯ ที่มาจัด Dinner ให้ลูกค้าบนเกาะบอน ซึ่งจะต้องลงเรือที่แหลมกาน้อย
ผมกับเจ้านายเริ่มหนักใจตั้งแต่วันมาดูสถานที่ เพราะทางเข้าแหลมกาน้อยอยู่ใกล้กับโรงแรม Evason ถึงผมจะมาอยู่ภูเก็ตนานแล้วแต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาแหลมกาน้อย และเป็นครั้งแรกที่จะได้ลงไปเกาะบอน
เนื่องจากแหลมกาน้อยอยู่หลังโรงแรม และทางเข้าต้องผ่านที่ดินของเอกชนจึงมีคนคอยเฝ้าประตูเพื่อเปิด-ปิดเป็นเวลา แต่ที่เป็นปัญหามากกว่าก็คือสะพานขึ้นเรือที่ทางโรงแรมทำไว้เพื่อบริการแขกของโรงแรม มันเป็นเพียงถังพลาสติกลอยน้ำที่เอามาต่อๆกันเหมือนแพยาวๆลอยขึ้นลงตามแรงคลื่นของทะเล
แล้ววันงานก็มาถึง ผมส่งคนขึ้นไป Stand By บนเกาะบอนตั้งแต่บ่าย 3 โมงพร้อมกับอุปกรณ์บางส่วน โชคเข้าข้างเราเพราะวันนี้ฝนไม่ตก แต่มีรายงานจากทีมงานบนเกาะกลับมา ทำให้ปัญหาของสะพานขึ้นเรือที่แหลมกาน้อยกลายเป็นเรื่องเล้กไปทันที
ผมกับเจ้านายและทีมงานที่เหลือตามไปทีหลัง แหลมกาน้อยยามเย็นสวยงามกว่าที่คิดไว้เยอะทีเดียว ถึงจะเป็นหาดเล็กๆแต่มันก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะโขดหินและน้ำใสๆอาจทำให้คนหลงใหลได้ไม่ยาก
กว่าจะขนอุปกรณ์ลงเรือและไปขึ้นเรือที่เกาะบอนได้ทีมงานแทบอ้วกแตก แค่ Sub Bass 2ตัวก็หนักเป็นตันแล้วโดยไม่ต้องพูดถึงลำโพงอีก 4 ตัว แถมเรือที่ใช้ขนของก็เป็นเพียงเรือหางยาวลำใหญ่ที่ทางโรงแรมจัดให้เท่านั้น และที่เกาะบอนไม่มีสะพานขึ้นเรือต้องลุยน้ำเข้าไป เพราะมีช่องให้เรือเข้าเพียงช่องเดียวนอกนั้นเป็นแนวปะการังที่ยังสมบูรณ์และสวยงาม
ชายหาดบนเกาะบอนด้านนี้เป็นสัมปทานของโรงแรม Evason เพื่อเอาไว้บริการแขกของโรงแรม แต่คนทั่วไปก็สามารถขึ้นมาเที่ยวได้โดยมีเรือบริการอยู่ที่แหลมกาน้อยทุกวัน บนเกาะมีร้านอาหารบริการแต่เป็นราคาของโรงแรมระดับ 4-5 ดาว บนเกาะด้านนี้ห้ามพักค้างคืนอย่างเด็ดขาดต้องไปเช้าเย็นกลับเท่านั้น เพราะทางโรงแรมจัดไว้ให้เฉพาะคู่แต่งงานใหม่ที่ต้องการมาฮันนีมูน และจะรับเพียงคู่เดียวเท่านั้น
งาน Dinner ผ่านไปด้วยดีจนถึงเวลากลับฝนก็เริ่มโปรยปรายแต่ยังไม่ถึงกับเทโครมลงมา ผมกับเจ้านายขนอุปกรณ์กลับไปเที่ยวแรก ในความมืดผมรู้สึกว่าเรือเอียงวูบทุกครั้งที่มีคลื่นมากระทบ ลุงคนขับเรือต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฝ่าคลื่นเข้าสู่แหลมกาน้อย อาจเป็นเพราะเรือของเราหนักพอสมควรจึงสามารถพยุงตัวไปได้เรื่อยๆ แต่เมื่อใกล้ถึงฝั่งเรือของเราต้องตีวงออกไปเพื่อให้คลื่นพาเรือเข้าฝั่งเอง เพราะถ้าขืนเข้าไปตรงๆมีหวังล่มแน่ๆ
หลังจากขนของขึ้นฝั่งเรียบร้อยลุงคนขับเรือก็บอกว่าเที่ยวที่สองคงต้องไปขึ้นที่หาดราไวย์หรือท่าเรือฉลองแทน เพราะไม่สามารถมาที่แหลมกาน้อยได้อีกแล้วมันเสี่ยงเกินไป ผมกับเจ้านายมองหน้ากันพร้อมกับรอการติดต่อจากทีมงานที่เหลือบนเกาะบอน
มันนานจนผมรู้สึกอึดอัดกว่าจะมีการติดต่อเข้ามา ตกลงทีมงานบนเกาะบอนจะต้องไปขึ้นฝั่งที่ท่าเรือฉลองเพราะปลอดภัยที่สุด ในช่วงเวลาแบบนั้นชีวิตคนและอุปกรณ์ราคาเกือบ 5 แสนบาทฝากไว้กับประสบการณ์ของลุงคนขับเรือเท่านั้น
ผมกับเจ้านายรีบบึ่งรถไปรอรับพักพวกที่ท่าเรือฉลองทันที แต่รออีกไม่นานนักทุกชีวิตก็ปลอดภัย หลังจากขนของเที่ยวสุดท้ายขึ้นรถเรียบร้อยพวกเราก็หมดสภาพนั่งมองอุปกรณ์เครื่องเสียงและไฟที่เปียกปอน เจ้านายผมออกไปหาซื้อเบียร์กระป๋องมาแจกทุกคนก่อนบอกว่ามันอยากจะเปียกก็ช่างมัน เราอยู่ทะเลจะเอาอะไรกับมันนัก
|