บทบาทของผู้บริหารในระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน
บทบาทของผู้บริหารในระบบการบริหารผลการปฏิบัติงานนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เกิดกระบวนการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ (2-way communication) ได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback) การเป็นผู้ฝึกสอน และเป็นที่ปรึกษาให้แก่พนักงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในระบบการบริหารผลการปฏิบัติงาน ดังนั้น ผู้บริหารจึงควรตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา โดย อลงกรณ์ มีสุทธา และสมิต สัชฌุกร (2548 : 2) ได้กล่าวถึงความสำคัญของการประเมินผลการปฏิบัติงานไว้ 3 ประการ ได้แก่
1) ความสำคัญของพนักงาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานได้ทราบว่าผลการปฏิบัติงานส่วนที่จะต้องปรับปรุง และส่วนที่อยู่ในระดับดีที่ควรเสริมสร้างให้มีผลการปฏิบัติงานที่ดียิ่งขึ้น
2) ความสำคัญต่อผู้บังคับบัญชา ผลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคนย่อมส่งผลต่อการปฏิบัติงานโดยส่วนรวมในความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชา เพราะจะทำให้รู้ว่าพนักงานมีคุณค่าต่องานหรือต่อองค์การมากน้อยเพียงใด และควรหาวิธีการส่งเสริม รักษา และปรับปรุงผลการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ
3) ความสำคัญต่อองค์การ เนื่องจากผลสำเร็จองค์การมาจากผลการปฏิบัติงานพนักงานแต่ละคน ดังนั้นการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจะทำให้รู้ได้ว่าพนักงานแต่ละคนปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจากองค์การอยู่ในระดับใด มีจุดเด่นหรือจุดด้อยอะไรบ้าง เพื่อองค์การจะได้ปรับปรุงหรือจัดสรรพนักงานให้เหมาะสมกับความรู้ความสามารถซึ่งจะทำให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นทำให้สรุปได้ว่า บทบาทหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาเปรียบเสมือนจุดเชื่อมโยงระหว่างผลการปฏิบัติงานของพนักงานและผลการดำเนินงานขององค์การ และมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ในองค์การ รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานให้มีศักยภาพในการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น โดยใช้กระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสมและรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อพนักงานและองค์การ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางและนำองค์การไปสู่ความสำเร็จจนเป็นบริษัทที่มีการบริหารงานดีเด่นก็คือผู้บริหารขององค์การ ซึ่งอาจสรุปภารกิจหรือหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหาร 3 ประการ ดังนี้ (Robbins และ Coulter, 2003 แปลโดย วิรัช สงวนวงศ์วาน, 2547 : 275)
1) ผู้บริหารต้องช่วยสมาชิกขององค์การเลือกทางเลือกที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่องค์การเกิดความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถรองรับกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยต้องอธิบายเหตุและผลที่ต้องมีความเปลี่ยนแปลง และมีทางเลือกให้กับพนักงานพร้อมด้วยข้อดีข้อด้อยของแต่ละทางเลือก รวมไปถึงมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยสนับสนุน อบรม ให้ความรู้ และจูงใจพนักงานให้เกิดความมั่นใจและยินดีที่จะปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับองค์การด้วย เมื่อพนักงานมีความพร้อมที่จะปฏิบัติงานใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ องค์การธุรกิจนั้นก็จะบรรลุเป้าหมายด้วย
2) ผู้บริหารต้องออกแบบระบบการบริหารงานที่สามารถใช้วัดผลการปฏิบัติงานได้และชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะการปฏิบัติงานที่ต้องมีการประเมินผล ผู้บริหารจึงต้องออกแบบการประเมินหรือวัดผลในงานต่างๆ ที่องค์การนั้นเห็นว่ามีความสำคัญ อีกทั้งยังต้องรู้ปัญหาต่างๆ ที่กระทบต่อการวัดผลการปฏิบัติงานและรายงานผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งใช้วิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเฉพาะข้อเท็จจริงและตัวเลขต่างๆ ที่มีผลต่อเป้าหมายขององค์การ รวมทั้งความชัดเจน มุ่งเฉพาะประเด็น และทันเวลาของการวัดและรายงานผล
3) ผู้บริหารจะต้องช่วยทำให้ความคิดที่จะบรรลุผลการดำเนินงานที่เป็นเลิศขององค์การปรากฏเป็นรูปธรรม โดยกระตุ้นจูงใจพนักงานและสร้างบรรยากาศภายในองค์การให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่อยากจะเสนอและพัฒนาความคิด และร่วมมือกันปฏิบัติงานให้เกิดผลในทุกแผนกทุกฝ่ายขององค์การ
บรรณานุกรม
อลงกรณ์ มีสุทธา และสมิต สัชฌุกร. 2548. การประเมินผลการปฏิบัติงาน (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม). พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพมหานคร: บริษัท พิมพ์ดีการพิมพ์ จำกัด.
สตีเฟน พี รอบบินส์ และแมรี่ คูลเลอร์. 2547. การจัดการและพฤติกรรมองค์การ. แปลจาก Management. โดยวิรัช สงวนวงศ์วาน. พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอช เอ็น กรุ๊ป จำกัด.