หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง กาย ใจ อะไรสำคัญกว่ากัน
เขียนโดย นุชนันท์ วรรณโกวิท

Rated: vote
by 3 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




เคยถามตัวเองกันบ้างไหม อะไรคือสิ่งที่เราต้องดูแลมากกว่ากัน ทั้งกายและใจดูเหมือนจะสำคัญพอ ๆ กัน แล้วมันจะเป็นไปได้หรือที่เราจะสามารถดูแลทั้งกายและใจของเราให้มีความสุขได้ในเวลาเดียวกัน
 
น่าแปลกที่หลาย ๆ คน ที่ไม่เป็นโรคร้าย ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้พิการ กลับมีความทุกข์ หรือไม่สบายใจมากเสียยิ่งกว่าคนพิการมาเป็นเวลานาน ยิ่งกว่าคนเป็นมะเร็งขั้นสุดท้าย เพราะอะไรล่ะ ทำไมกายสบายแต่ใจไม่สบาย ดังนั้นการดูแลร่างกายให้แข็งแรงมีสุขภาพดีก็ไม่ใช่วิธีที่ทำให้ใจของเรามีสุขภาพดีไปด้วยน่ะสิ
 
ทำอย่างไรเราถึงจะมีสุขภาพจิตใจที่ดี และรู้สึกมีความสุขจากภายในได้ อะไรคือสิ่งหล่อเลี้ยงให้ร่างกายและจิตใจมีความสุข มีชีวิตชีวา กายหล่อเลี้ยงด้วยอาหารและน้ำ ยามเจ็บป่วยใช้ยาช่วยบำบัดให้บรรเทาได้ แล้วใจล่ะหล่อเลี้ยงด้วยอะไร ทุกวันนี้หากเราจะค้นหาวิธีบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง เราก็สามารถหาได้ในพริบตา สิ่งหล่อเลี้ยงร่างกาย เช่น อาหาร น้ำ และสารจำเป็นต่าง ๆ มีอยู่ดาษดื่น ในขณะที่วิธีทำใจให้มีสุขภาวะ หรืออยู่ในภาวะที่ดีนั้น หาไม่ได้ง่าย ๆ หรือแม้หาได้ก็ดูเหมือนจะไกลเกินกว่าคนทั่วไปจะนำไปปฎิบัติได้
 
ธรรมชาติของใจ มักจะไวกว่าความคิด หรือการควบคุมจากสมองของเราเสียอีก หลายครั้งที่เราไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากเป็นทุกข์ แม้จะบอกตัวเองจะพยายามสั่งสมองให้หยุดคิด แต่เราก็ยับยั้งมันไม่ได้ เราคอยแต่จะคิดในเรื่องที่ทำให้เกิดความทุกข์ใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่ค้างคาในใจเรา เราไม่รู้จักการปล่อยวาง ไม่รู้วิธีปล่อยวาง
 
เมื่อใจรู้สึกเป็นทุกข์ หากเราเอาสติไปจับ เราก็จะรู้ได้ว่ามันแน่น มันอัดแน่น มันไม่มีความสุข รอเพียงการปลดปล่อยความอัดแน่นนั้น แต่ก็ยากลำบากเหลือเกิน เพราะเราไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยความทุกข์ออกจากห้วงใจได้อย่างไร เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความทุกข์มันชอนไชเข้าไปอยู่ได้อย่างไร
 
สิ่งที่น่าพิศวงคือ การค้นหาหรือปลดปล่อยความทุกข์จากใจนั้นไม่จำเป็นต้อง ค้นหาประตูหรือทางออก เพราะสิ่งที่อยู่ในใจมันไม่ได้ชอนไชจากข้างนอกเข้าไป เพียงแต่มันเกิดขึ้นในนั้นเอง สิ่งที่เราต้องทำคือ เปลี่ยนความอัดแน่นในใจนั้นเป็นความสุข ทำอย่างไรดีล่ะ เริ่มต้นจากการตั้งสติให้มั่นก่อน
 
การสร้างความสุขขึ้นในใจ ก่อนอื่นก็ต้องรู้จักความทุกข์ให้ดีเสียก่อน เมื่อรู้จักมันดีแล้ว และไม่ใคร่ชอบให้มันแทรกตัวเข้าไปอยู่ในใจ เราก็ต้องมีสติที่มั่นคงและรู้จักปล่อยวาง การได้เห็นทุกข์และเข้าใจความทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ที่เกิดจากทุกข์ อันมีสาเหตุมาจากตัวเราเองที่ปรุงแต่งความรู้สึกทุกข์นั้น จากความไม่พอใจ ไม่ได้ดังใจ หรืออะไรก็ตามที่เราได้ไปกำหนดว่ามันไม่ใช่ความสุข ดังนั้นความทุกข์จึงจัดได้ว่าเป็นครูชั้นดีของเรา เพราะเรามีมันเราจึงไม่อยากมีมัน นั่นไงเข้าใจใช่ไหม เพราะมันอยู่ในตัวเราและเราไม่อยากให้มันอยู่ในตัวเราต่อไป หนทางแห่งการพ้นทุกข์เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตั้งแต่เราเริ่มหาทางพ้นทุกข์ แต่คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ว่าตัวเองเป็นทุกข์ จนกระทั่งมันแสดงตัวออกมา โดยทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางกาย จึงค่อยรู้ว่านั่นเป็นผลมาจากการถูกครอบงำโดยความทุกข์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
 
คนเราเมื่ออยากหลุดพ้นจากความทุกข์ มันก็ไม่ยากที่จะพบความสุข แต่คนที่อยากเป็นสุขโดยไม่เคยเห็นทุกข์ อาจไม่รู้จักความสุขที่แท้จริงเลยก็ได้ สิ่งที่เรียกว่าความสุข ของแต่ละคน มันอาจใช่หรือไม่ใช่สิ่งเดียวกันก็ได้ มาตรฐานความเป็นสุขของมนุษย์นั้นอาจต่างกันอย่างมากมาย คนที่ผ่านทุกข์ทนลำบากมามาก อดหลายมื้อ หรือยังไม่มีจะกินสักมื้อ อาจมีความสุขอย่างล้นพ้นที่ค้นพบเศษขนมปังมากมายในกล่องแบน ๆ ที่คนทิ้งไว้ในถังขยะ โดยอาจมีน้ำสีดำที่หลงเหลือในขวดพลาสติกใสแถมให้ลิ้มรสอีกด้วย แต่ผู้มีอันจะกินในบ้านใหญ่โตอาจกำลังเป็นทุกข์เพราะไม่รู้ว่าคนที่กำลังรอคอยให้กลับมาทานอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศวางรออยู่เต็มโต๊ะนั้นหายไปไหน กำลังทำอะไร แล้วจะกลับมากินด้วยกันไหม ความทุกข์ทำให้คนรอกินไม่ได้ทั้ง ๆ ที่มีอาหารให้กินมากมาย ความแตกต่างในมาตรฐานความรู้สึกเป็นสุขและเป็นทุกข์ยังหาดูได้อีกมากมายหลายแบบจากคนหลายประเภท
 
หากเราเพียงรู้จักพิจารณาว่าความสุขเกิดขึ้นในใจได้อย่างไร ถามตัวเองดูซิว่า เวลาไหนที่ใจมักพองโตและรู้สึกเป็นสุข และฉับพลันความสุขนั้นหายไปได้อย่างไร เหตุใดจึงมีแต่ความทุกข์ค้างอยู่ในใจ เรียนรู้จักเหตุ แห่งทุกข์นั้น และดับตรงนั้น หากเราไม่สามารถดับเหตุแห่งทุกข์นั้นได้ เราก็ต้องดับที่ใจเราเอง เพราะใจเราสร้างความรู้สึก สุข และ ทุกข์ ขึ้นมาเองทั้งนั้น จริงอยู่ว่า สิ่งที่เรียกว่าการ "ปล่อยวาง" นั้นทำไม่ได้ง่าย ๆ และบางครั้งการปล่อยวางที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากใจที่อยากปล่อยวางอย่างแท้จริง กลับยิ่งทำใหคนเรารู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมาได้อีก จากการคิดไปว่าไม่ควรปล่อยวางเลย
 
ผู้มีสติสัมปชัญญะในระดับที่ดีมักจะสุขุมรอบคอบ และสำรวจใจตัวเองได้ดีกว่า ผู้ที่ขาดสติมีแต่โมหะโทสะ และ โลภะจริตครอบครอง ผู้ยังไม่เห็นโทษของการไม่มีสติก็ต้องเรียนรู้โทษและทุกข์ที่เกิดจากการมีจริตอันเป็นโทษเสียก่อน จึงจะเข้าใจว่าควรละ ควรทิ้งมันไป คนโกรธไม่เคยยิ้มได้ คนโลภไม่เคยแบ่งปัน ต้องละอย่างนึงเพื่อจะเข้าสู่อีกภาวะหนึ่งได้ การเรียนรู้จิตใจของตัวเองได้จึงนับได้ว่าเป็นสิ่งดีที่จะทำให้ตัวเองรู้ว่าทุกข์เกิดขึ้นแล้ว และจะดับมันได้อย่างไร บางคนอาจเก่งยิ่งกว่านั้นเพราะสามารถรู้ได้ว่าความทุกข์จะเกิดเมื่อไหร่ และหาทางป้องกันเสียก่อนที่มันจะเกิด เรื่องนี้มันเหมือนทำยากแต่ก็ไม่ยาก เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่าย แต่พอเราจับใจตัวเองได้เราจะรู้ได้ทันทีว่าสุขหรือทุกข์นั้นเราหาได้ ไม่ต้องใช้เงิน แค่ใช้ใจเรานั่นเอง เมื่อเราควบคุมใจเราได้ เราก็จะควบคุมให้มันมีความสุขหรือมีความทุกข์ก็ได้
 
ธรรมชาติสอนให้คนรู้จักความทุกข์มาตั้งแต่เกิด ความทุกข์ไม่เคยก่อให้เกิดความสบาย ไม่เคยมาพร้อมความสุขที่แท้จริง หากเราไม่สามารถจัดการเหตุแห่งทุกข์ได้ เราก็ต้องจัดการที่ใจเราเอง ทำอย่างไรให้ใจเป็นสุขได้ ถามตัวเองบ้างไหมว่าเป็นมนุษย์ หรือเป็นคนมันต่างกันอย่างไร แล้วปัจจัยที่เราต้องการมี ได้ เป็น มันช่วยให้เราเป็นได้มากกว่าสิ่งมีชีวิตที่หายใจได้หรือไม่ หากพบคำตอบว่า การมีอยู่ของตัวตน เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งในโลกใบนี้ของมนุษย์ หรือคนทุกคน ไม่ได้พึ่งพาสิ่งที่เรียกว่า ปัจจัยสี่ ที่แตกต่างกันเลย การมีปริมาณทรัพย์สินที่มากมายเกินกว่าคนปกติพึงมี ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของความเป็นคนแตกต่างกันเลย ความแตกต่างและการแบ่งแยกของคนที่น่าจะเห็นได้ชัดก็คือ คนดี กับ คนเลว เท่านั้น คนสองประเภทนี้เท่านั้นที่มีปลายทางของชีวิตที่แตกต่างกัน คนจนอาจรวย และคนรวยอาจจนได้ แต่คนดี ก็จะเป็นคนดี หากมีสิ่งใดทำให้ต้องทำในสิ่งเลว เค้าก็จะพยายามกลับมาเป็นคนดีให้ได้ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น เช่นเดียวกับคนเลว หากพยายามทำดี แต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่สำเร็จก็จะไม่พยายามทำต่อไป เพราะการเป็นคนเลวมันรู้สึกดี เป็นธรรมชาติของเค้าเช่นกัน
 
การเข้าใจในโลก เข้าใจในธรรม และเข้าใจในเรื่องของอิสระทางจิตวิญญาณ น่าจะช่วยได้มากในเมื่อเราเป็นทุกข์ เพราะนอกจากการปล่อยวางเหตุแห่งทุกข์แล้ว เรายังจะสามารถค้นพบความสุขที่แท้จริงได้อีกด้วย ความสุขที่เราเรียกว่า ความว่างเปล่า ไร้พันธนาการ ไร้ข้อกังขา ไร้ซึ่งการมีตัวตน ความสุขที่เราได้ค้นพบ จะปลดปล่อยเราจากการมีตัวตน การเป็นอยู่ การตั้งอยู่ของชีวิตนี้ ทุกชีวิต เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ หรือมีชีวิตอยู่ แล้วก็ดับไปหรือตายจากไป แต่ก็ไม่ได้หยุดแค่การตายจากไปเท่านั้น จิตวิญญาณที่ยังมีความปรารถนา ยังมีความทุกข์ หรือกำลังมีความสุขแต่ต้องจากไปในขณะที่ยังไม่ได้ทำบางสิ่งตามความปรารถนา ก็จะเกิดความทุกข์ ทำให้ใจถูกพันธนาการไม่สามารถหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ เพราะใจคอยแต่จะบอกว่า อยากกลับมาทำอะไรที่ดีกว่านี้ อยากกลับมาเป็นนั่นเป็นนี่ อยู่กับคนนั้นคนนี้อีก
 
คนเราส่วนมากไม่เคยพอใจกับการทำอะไรให้ดีที่สุด หรือปล่อยวาง และยอมรับผลของการกระทำที่ตัวเองไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เหตุแห่งทุกข์จึงเกิดจากการยึดติดนั่นเอง ดังนั้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงอาจไม่ใช่สิ่งอื่นใด แต่เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ นั่นก็คือตัวเราเอง เพราะมีเรา มีอัตตา จึงมีทุกข์ หากไม่มีเรา ก็ไม่มีทุกข์ การไม่มีเราก็คือการไม่มีตัวตนนั่นเอง แม้ว่าเราจะกำลังหายใจอยู่แต่เราก็จะสามารถทำใจได้ว่า เราเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ประกอบกันขึ้นจากธาตุทั้งสี่และมีจิตวิญญาณ เรียกตนเองว่ามนุษย์ ตัวตนของเราเกิดจากเหตุปัจจัยซึ่งบิดามารดาผู้ให้กำเนิดส่งเสริมให้เกิดเป็นตัวก้อนเนื้อนี้ เราที่นั่งอยู่นี้ เป็นเพียงก้อนเนื้อที่นับวันจะเปลี่ยนสภาพไปเรื่อย  จนหมดสภาพ กลับกลายเป็นเศษธุลีไปในที่สุด เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของจักรวาลแล้ว เศษธุลีจากซากร่างกายที่เน่าเปื่อยผุพังของเรานั้นยังเล็กเสียยิ่งกว่าเศษกรวดทรายในพื้นดิน แล้วเราจะยึดติดกับการมีตัวตน ห่วงสวย ห่วงหล่อ ห่วงรวย ไปทำไม ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีค่าเท่ากับการได้ใช้ตัวตนที่มีเรียนรู้ในสิ่งที่ควรรู้ เพื่อพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงขึ้น จนสามารถควบคุมได้เอง และทำในสิ่งที่เป็นความดีอันพึงรู้ได้เองอีกด้วย
 
หากเรารู้ว่าการมีตัวตนนั้นเป็นเพียงสิ่งซึ่งเกิดตามธรรมชาติ โดยเราไม่ได้เข้าไปมีส่วนควบคุม เราก็จะรู้ได้เองว่าสิ่งที่เราควบคุมได้นั้นมีเพียงสิ่งเดียว ที่แม้จะผ่าหัวใจของเราเข้าไปก็มองไม่เห็น สิ่งนั้นเรียกว่า "จิตวิญญาณ" หากเราสงบนิ่งพอ เราก็จะจับมันได้ ผ่านการสงบจิตใจ หรือที่เรียกว่าการทำสมาธิ เมื่อทำสมาธิได้ดีมากพอ เราจะรู้ได้ว่าไม่มีสุขใดเสมือนสุขที่ได้รู้จักจากความสงบ ความสงบในใจจะช่วยให้เรารู้สึกเป็นสุข เป็นสุขอย่างท้วมท้นและไม่ทุรนทุราย เราจะไม่กลัวความทุกข์เพราะเรารู้ดีว่าจะรับมือมันได้อย่างไร สิ่งที่เรารู้ว่ามีค่าที่สุดก็คือลมหายใจนั่นเอง หากไม่มีลมหายใจเสียแล้ว เราก็ทำในสิ่งที่เรียกว่า สมาธิ และการกำหนดจิต ไม่ได้อีก
 
ความสุขที่แท้จริงของการเกิดเป็นคน ตามความคิดของผู้เขียน คือการได้รู้จักสภาวะแห่งสุขอันเกิดจากความสงบ การละได้ซึ่งอัตตา หรือการมีตัวตน การได้เรียนรู้จักทุกข์ อันเกิดได้ เปลี่ยนแปลงได้ ในตลอดชีวิต ทุกข์และสุขไม่เคยอยู่กับเรานาน  สิ่งที่เรียกว่าความสุขหรือเครื่องหมายของความสุขนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสำหรับมนุษย์เรา
 
ความสุขที่แท้จริงอันคนเราพึงค้นให้พบก็คือความสุขจากการได้รู้จักคุณค่าของชีวิต รู้จักความหมายของชีวิต รู้จักแก่นแห่งชีวิต ซึ่งสิ่งที่เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ จะช่วยเติมเต็มคุณค่าของชีวิต และเราจะรู้ได้เองว่าเราเกิดมาทำไม มีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร จะอยู่อย่างเป็นทุกข์ไปทำไม ความสุขที่แท้จริงคืออะไร และเราก็จะรู้ได้เองว่าสุขหรือทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ เราเป็นผู้กำหนด เหมือนที่มีคนเคยบอกไว้ว่า "ชีวิตเลือกได้" เพราะเราเลือกได้จริง ๆ แม้ว่ากรรม หรือชะตาชีวิตจะถูกกำหนดมาอย่างไรก็ตาม เราเป็นผู้เดียวที่เลือกจะเดินตามทางนั้นหรือเปลี่ยนเส้นทางของชีวิตเราได้ เริ่มต้นดูจากการควบคุมใจเราเองไม่ให้ติดอยู่ในความทุกข์และความสุขที่ไม่ใช่ของจริง และต่อไปเราก็จะรู้ได้เองว่า ชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขอย่างไร กาย หรือ ใจคือสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่ากัน ใจ หรือ กายที่เป็นของเราจริง ๆ หากเราควบคุมใจเราได้ โลกทั้งโลกก็เป็นของเรา ไม่มีอะไรที่เราต้องการอีกแล้ว นอกจาก .......(คุณค้นหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง)
 



ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

เรื่องสำคัญที่ต้องใคร่ครวญในภาวะวิกฤต
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : เสริมสวย ชลบุรี คลีนิกเวชกรรม รามคำแหง สมัครงานวุฒิป.ตรี สมุทรปราการ พนักงานฝ่ายผลิตมิตซูบิชิ ธุรการรัชดา พระราม9 นิดา มูลผล บัญชี-ถนนเพชรเกษม sfซินิมา กะกลางคืน กรุงเทพ สมัครการแสดง ตำแหน่งงานทั่วไป สำหรับวุฒิม.3 พนักงานธนาคาร ต่างประเทศ วุฒิม.6 เขตธนบุรี เสริมสวยสปา นวด งานม.62555 กรุ ธุรการศรีสะเกษ พระรา9 วุฒิม6 กรุงเทพมหp งานเย็บผ้า สมุครปราการ ผู้จัดการ/ผู้บริหาร ช่างพิมพ ปวช.3 พัทยา ธนาคารกสิกรไทยมาบตาพุด บัญชี 20000 ม.6ศรีราชา ผู้ช outsourceบริษัทการบินไทย pcลาดพร้าว พะงัน ธุรการชายลาดพร้าว พนักงานบัญชี จ.สมุทรสาคร DRATF MAM ธุรการ กิงแก้ว พนักงานบริการการเงิน งานPR ครูภาษาจีน ภูเก็ต katata บัญชี บางปลา งานพนักงานขายแถวพระราม2 See man บางนา ธานี ฟาบิเนต ถ่ายถาพ ผู้จัดการ ลาดระบัง mold vacum ภูเก็ตเซเว่นถลาง เจ้าหน้าที่ qs นักดน งานห้าง ลาดพร้าว