ทัศนคติ คือ ความรู้สึกในการประเมินว่าชอบ หรือไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง ซึ่งทัศนคตินั้นจะเป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนด หรือผลักดันในแต่ละบุคคลนั้นเกิดพฤติกรรม หรือการกระทำที่สอดคล้องกับทัศนคติที่แต่บุคคลนั้นมีอยู่
ทัศนคตินั้นมีทั้งที่เป็นบวก และทัศนคติที่เป็นลบ ซึ่งจะมีผลต่อองค์การเป็นอย่างมาก เพราะทัศนคตินั้นมีอิทธิพลต่อการกระทำต่าง ๆ ของบุคคลในองค์การ ถ้าพนักงานในองค์การนั้นมีทัศนคติที่เป็นบวกในการทำงานนั้น พนักงานจะเกิดความพอใจในการทำงาน เกิดความกระตือรือร้นในการทำงาน ซึ่งพนักงานจะสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ๆ ให้กับองค์การ และจะพยายามที่จะแสดงศักยภาพภายในตัวเองออกมา แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าพนักงานขององค์การนั้นเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อองค์การ หรือต่องานที่ทำแล้ว ก็อาจจะทำให้พนักงานนั้นเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ทำ ซึ่งจะทำให้พนักงานนั้นขาดความรับผิดชอบ หรือไม่ตั้งใจทำงาน หรืออาจจะทำแค่เพียงให้ผ่านไปวัน ๆ หนึ่งเท่านั้น โดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในการทำงาน และไม่มีความตั้งใจที่จะทำให้งานนั้นสัมฤทธิ์ผล
EX เช่น ถ้าผู้บริหารนั้นมอบหมายตำแหน่งพนักงานขายให้กับนาย ก. โดยที่ผู้บริหารนั้นก็ทราบว่านาย ก. นั้นที่ไม่มีความถนัดในด้านการขาย
ก็จะทำให้ นาย ก. นั้น เกิดทัศนคติ และความรู้สึกที่ไม่ดีต่อการทำงานด้านการขาย พฤติกรรมที่นาย ก. แสดงออกมา คือ นาย ก. จะขาดความตั้งใจที่จะทำการเสนอขายให้กับลูกค้า มีการหลีกเลี่ยงงานมากขึ้น ขาดความมุ่งมั่นที่จะเสนอขายสินค้าให้กับลูกค้า หรือถ้านาย ก. เลี่ยงงานไม่ได้ นาย ก.ก็จะมีการทำงานเพื่อให้งานนั้นผ่าน ไปวัน ๆ เพียงเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าผู้บริหารนั้นมอบหมายตำแหน่งให้กับ นาย ข. ซึ่งนาย ข. นั้นชื่นชอบ และมีความถนัดทางด้านนี้อยู่แล้ว ย่อมจะส่งผลทำให้นาย ข .นั้นมีทัศนคติที่ดีในการทำงานมากขึ้น เพราะได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบ และถนัด ซึ่งจะทำให้ นาย ข. นั้นมีความกระตือรือร้น และมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้งานที่รับรองมอบหมายนั้นประสบความสำเร็จ และต้องการที่จะทำให้งานนั้นออกมาดีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นต้น
การที่บุคคลแต่ละบุคคลมีทัศนคติที่แตกต่างกันไป ย่อมมีส่วนประกอบที่สำคัญ อยู่ 3 ประการ ด้วยกันคือ
1. ส่วนของความเข้าใจ คือ เป็นส่วนที่เป็นความเชื่อ ความคิดเห็น ความรู้ หรือข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่แต่ละคนนั้นมีอยู่ ซึ่งความชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้น ส่วนหนึ่งย่อมเกิดมาจากความเข้าใจที่แต่ละคนมี
2. ส่วนของความรู้สึก คือส่วนของอารมณ์ความรู้สึกซึ่งเป็นทัศนคติส่วนบุคคล
3. ส่วนของพฤติกรรม คือส่วนของความตั้งใจที่จะปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งสอดคล้องกับทัศนคติหรือความรู้สึกที่มีอยู่
การที่บางครั้งในองค์การนั้นมีบุคคลบางคน หรือบางกลุ่มมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการทำงานหรือต่อองค์การ นั่นย่อมจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นในการทำงานหรือภายในองค์การ บุคคลบางคนรู้ว่าตนเองนั้นมีทัศนคติที่ไม่ดี แต่ไม่อยากที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะว่าสัญชาตญาณของคนเรานั้นมักจะกลัวในสิ่งที่ตนเอง ไม่รู้ และไม่เห็น ดังนั้นผู้บริหารจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งสร้างทัศนคติที่ดี เข้าไปแทนที่ทัศนคติที่ไม่ดี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่าง ๆนั้น ผู้บริหารจำเป็นทีจะต้องกระตุ้นและสร้างขวัญในการทำงาน และจะต้องโน้มน้าวจิตใจให้กับบุคลเหล่านั้นได้เห็นว่าการที่พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติไปในทิศทางจะทำให้พวกเขานั้นได้รับผลดีอย่างไรบ้าง และนำมาเปรียบเทียบกับทัศนคติเดิมที่พวกเขามี มันจะมีความแตกต่างกันอย่างไร
EX ถ้าขณะนี้พนักงานในองค์การนั้นมีทัศนคติในการทำงานที่แตกต่างกัน หรือบางคนมีทัศนคติที่เป็นลบในการทำงาน และอาจจะก่อให้เกิดความแตกแยกภายในองค์การได้ ดังนั้นผู้บริหารจึงจำเป็นที่จะต้องเข้ามาแก้ไขและปรับปรุงเพื่อให้ทัศนคติของพนักงานในองค์การนั้นเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งผู้บริหารอาจจะชี้ให้เห็นภาพว่าการที่พนักงานในองค์การนั้นมีความแตกแยกกันในเรื่องของความคิดหรือทัศนคติที่ไม่เป็นผลดีต่อการทำงานขององค์การย่อมจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นภายในองค์การได้ หรืออาจจะทำให้สถานะขององค์การนั้นย่ำแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ซึ่งย่อมจะส่งผลกระทบต่อทุก ๆ คน และถ้าทุกคนนั้นมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ไปในทิศทางเดียวกัน ก็ย่อมจะทำให้องค์การนั้นมีพลังในการทำงานที่เข้มแข็ง และสามารถทำให้องค์การนั้นฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ได้ เป็นต้น
ในการทำงานภายในองค์การ ผู้บริหารนั้นจำเป็นที่จะต้องสนใจทัศนคติของพนักงานด้วย เพราะทัศนคตินั้นจะเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการกระทำของบุคคลต่าง ๆ ในองค์การ และเป็นการกระตุกเตือนถึงปัญหาต่าง ๆ ขององค์การ เพราะถ้าพนักงานนั้นมีทัศนคติที่ดีต่อองค์การหรือการทำงาน ก็จะทำให้พนักงานนั้นรู้สึกมีความสุข และมีความพึงพอใจในการทำงาน แต่ในขณะเดียวกันถ้ามีพนักงานบางคนหรือบางกลุ่มที่มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อองค์การหรือการทำงาน ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาภายในองค์การได้ ซึ่งสิ่งที่ผู้บริหารควรจะต้องทำคือ พยายามลบล้างทัศนคติที่ไม่ได้ออกไปจากความรู้สึกของพนักงาน และพยายามสร้างทัศนคติใหม่ที่เป็นทัศนคติที่ดีให้กับพนักงานเหล่านั้น ในขณะเดียวกันผู้บริหารเองก็ควรจะทำให้พนักงานนั้นเห็นภาพในวันข้างหน้าว่าถ้าพวกเขาปรับเปลี่ยนทัศนคติทีไม่ดีในวันนี้ออกไปได้ วันข้างหน้านั้นองค์การและพนักงานทุก ๆ คนนั้นจะได้รับสิ่งดี ๆ ได้อย่างไรบ้าง เพราะถ้าพนักงานในองค์การนั้นได้มองเห็นภาพในวันข้างหน้า ก็จะทำให้พวกเขานั้นพร้อมที่จะเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามา และยินดีเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทุกอย่างนั้นดีขึ้น แต่ถ้าผู้บริหารเองก็ไม่สามารถที่จะโน้มน้าวให้พนักงานเห็นภาพที่ดีของการเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้าได้ พนักงานก็ยังคงจะกลัวการเปลี่ยนแปลง และยังคงไม่ยอมรับและเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อีกต่อไป
