ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีนิสัยในการรักการอ่าน คือ ชอบอ่านหนังสือมาก ๆ หรือเป็นนักอ่านตัวยง หรือ ที่ชาวบ้านมักจะใช้ถ้อยคำที่รู้จักกันดี ว่า " หนอนหนังสือ" นั่นแหล่ะ ทีนี้ คนที่ชอบอ่านหนังสือก็จะถูกจัดให้เป็นคนที่มีความรู้มากซึ่งเขาจะสามารถเก็บเกี่ยวและนำความรู้ที่เขาเก็บไว้เอากลับมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ จะมีคนอีกประเภทหนึ่ง ที่มักจะมีคนพูดกันว่า "คนรู้มาก " อันนี้ถ้าในความหมายของคนทั่วไป ก็คือ คนที่มีแต่ความคิดของตนเองและมักจะสรุปจากการฟังเรื่องราวและความคิดของคนที่เขารู้เรื่องมาจริงบ้างไม่จริงบ้าง นำมาเก็บไว้ในสมองของคนแบบนี้ แล้วก็จะนำมาออกความคิดเห็นให้คนอี่นฟัง บางครั้งก็เป็นเรื่องที่ไม่มีข้อเท็จจริงเท่าไหร่ บางครั้งสิ่งที่เขารู้มาก็เป็นความจริง และคนเช่นนี้ส่วนใหญ่จะคิดเสมอว่าเขารู้จริงและคิดถูก ถ้าคุยกับคนที่เขามีความรู้มาก จริง ๆ ก็อาจจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์และก็จะถกเถียงกัน แต่นั่นแหล่ะ บนโลกนี้จะยังมีคนเช่นนี้เยอะแยะอยู่ปะปนกันไป
ทีนี้ถ้าในครอบครัวของใครที่มีลูกหลานที่ไม่ค่อยจะเป็นนักอ่าน ( ต้องอ่านหนังสือที่มีประโยชน์ นะ ) และถ้ายิ่งปล่อยให้เขาจมอยู่กับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์อยู่อย่างนั้นทุกเมื่อเชื่อวัน หล่ะก็ มีหวังปลายเส้นประสาทไม่ยาวขี้นแน่ ๆ รอยหยักในสมองตื้นขึ้นเรื่อย ๆ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "โง่" นั่นแหล่ะ เรา ๆ ท่านๆ ในฐานะพ่อแม่คงไม่อยากเห็น ลุกหลานของเราเป็นอย่างนี้ใช่มั๊ย และอีกหลาย ๆ คนก็คงจะนั่งเอามือกุมขมับเลยทีเดียว เพราะไม่รู้จะพูดอย่างไรบอกอย่างไร หรือบางคนก็ลงทุนลงแรง ด่างซะเลย รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็ยังไม่ได้ผล บางคนอาจจะยกเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าตู้เซฟ ไปเลย คิดว่าได้ผลเหรอ ยากส์ค่ะ ลูกหลานของท่านก็พึ่ง INTERNET คาเฟ่ เปลืองเงินในกระเป๋า พ่อแม่ยิ่งกว่าเดิม เลยต้องจ่ายค่าขนม+ค่าเล่นเกมส์ มากขึ้น ซึ่งเป็นการสนองเศรษฐกิจยุคนี้ได้ดีทีเดียว แล้วอย่างนี้ทำอย่างไรดี ก็ลองดูวิธีนี้ดีมั๊ย น่าจะได้ผลไม่มากก็น้อยนะคะ ลองดูนะคะ
มีนักอ่านท่านหนึ่งบอกว่า คนเราไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ถ้าจะให้ทำจนเป็นนิสัยก็ต้องหมั่นทำทุกวันอย่างน้อยให้ทำติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน ต่อเนื่องแล้วจะเกิดความเคยชิน ถ้าหยุดทำสิ่งนั้นก็จะมีความรู้สึกว่า มันมีอะไรที่ขาดหายไปสักอย่าง ถ้าเริ่มลงมือทำอะไรหรืออ่านหนังสือก็ควรเริ่มต้นด้วยการรวบรวมความกล้า เอ้ย ไม่ใช่ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เมื่อเริ่มอ่านหนังสือวันแรกก็ให้ฝึกอ่านสักประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ก่อน แล้วก็เอาปากกาติ๊กปฎิทินไว้เลย ทำให้ครบ 21 วันต่อเนื่อง อ้อ ถ้ากลัวลูกหลานปฏิบัติครบกำหนดเร็วกว่าที่เราคิดหล่ะก็ พ่อแม่อาจช่วยเหลือเขาด้วยการ ทำเครื่องหมายบนปฏิทินให้ก็ได้ แล้วในแต่ละครั้งที่ลูกหลานของท่านอ่านหนังสือแล้ว ก็ลองสละเวลาอันมีค่าของท่านสอบถามพูดคุยถึงเรื่องที่ลูกของท่านอ่านจบไปบ้างก็ได้ พูดคุยแนะนำหรือแลกเปลี่ยนความคิดกันเองในครอบครัวก็ได้ ก็จะเป็นการฝึกทักษะทางด้านความคิดให้เขาไปด้วย ลองดูนะคะ เด็ก ๆ อาจจะห่าง ๆ เกมส์คอมพิวเตอร์ออกไปบ้าง ก็ยังดีค่ะ และนอกจากนี้ยังจะช่วยให้เขาเป็นรอบรู้มากขึ้นและรู้จริง ที่เขาเรียกว่า " คนมีความรู้มาก " จะช่วยให้เขาฉลาดขึ้นรู้จักเอาตัวรอดและใช้ชีวิตอยุ่ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ก็ได้ค่ะ ถ้าได้ผลก็ขอยกความดีความชอบให้กับท่านผู้อ่านท่านนั้นนะคะ ผู้เขียนนึกชื่อไม่ออกเหมือนกันค่ะว่าท่านผู้นั้นชื่ออะไร เอาไว้จะหาข้อมูลแล้วมาบอกกันอีกครั้งแล้วกันนะคะ วันนี้บรรยากาศรอบๆ ที่ผู้เขียนนั่งเขียนบทความอยู่ในขณะนี้ อากาศดีค่ะ ลมเย็นสบายปรอดโปร่งจริง ๆ ค่ะ แล้ว บรรยากาศรอบตัวของท่านผู้อ่านล่ะคะเป็นอย่างไรกันบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ร่ำรวยมีเงินใช้กันมาก ๆ ทุกท่านนะคะ และหวังว่าบทความของผู้เขียนอาจจะเป็นประโยชน์และสามารถนำไปลองใช้กันได้ไม่มากก็น้อยนะคะ พบกันใหม่ตอนหน้า บ๊าย บาย ค่ะ
|