เราทุกคนจะปฏิเสธกันมั๊ยคะ ว่าการที่เรามีสุขภาพและการมีรูปร่างรวมไปถึงผิวพรรณที่งดงามนั้น เป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างปรารถนาและก็จะพยายามที่จะสรรหาวิธีการดูแลสุขภาพของเราให้คงความสวยงามสดใสอย่างนี้ให้เป็นไปตามสภาพอายุขัยของพวกเรา อย่างบางคนถ้ามีใครพูดหรือบอกเล่าว่ามีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เราสามารถคงความสวยงามของรูปร่างและผิวพรรณรวมไปถึงการมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ไม่ว่าจะยากเย็นอย่างไร บางคนก็จะรีบขวนขวายไปหาเอามากันเลยทีเดียว และผู้เขียนก็คิดว่าในจำนวนของผู้อ่านก็คงมีไม่น้อยทีเดียวที่ก็ชอบดูแลและเอาใจใส่กับสุขภาพของตนเองกันมากใช่มั๊ยคะ วันนี้ผู้เขียนก็เลยมีสาระน่ารู้ดี ๆ อีกเช่นเคยเก็บมาฝากผู้อ่านกันค่ะ
ความสำคัญของสัดส่วน ฮั่นแน่แปลกใจกันล่ะซิว่าอะไรกันแน่ ก็ลองอ่านดูนะคะ
ความสำคัญของสัดส่วน กรดไขมันโอเมก้า-6 ต่อกรดไขมันโอเมก้า-3
จากสถานการณ์ปัจจุบันนี้ พบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีภาวะโภชนาการผิดปกติ โดยมีทั้งโภชนาการที่เกินเกณฑ์ปกติและการขาดสารอาหารอันเกิดจากสาเหตุหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ อายุ ถิ่นที่อยู่อาศัย ฐานะทางเศรษฐกิจ พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบสูง รวมถึงการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโภชนาการที่ถูกต้อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนการกล่าวว่า ในทางวิชาการเป็นเรื่องน่ากังวลที่พบว่าผู้ป่วยจากการบริโภคอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการเพิ่มสูงขึ้น เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของปัญหาดังกล่าวคือ ความไม่สมดุลของการบริโภค กรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6 โดยล่าสุดพบว่าคนไทยส่วนมากได้รับกรดไขมันโอเมก้า-6 ซึ่งมีมากในอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันพืช เช่น อาหารจำพวกทอดและฟาสต์ฟู้ดส์มากกว่าได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งพบมากในปลาทะเล ในข้อเท็จจริงร่างกายมนุษย์ควรบริโภคกรดไขมันทั้ง 2 ชนิดในปริมาณที่พอเหมาะและในสัดส่วนที่สมดุล เพราะหากบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-6 มากเกินไปในขณะที่ได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 น้อยเกินไปจะก่อให้เกิดภาวะผิดปกติต่าง ๆ ตามมา เช่น ภาวะอักเสบภายในหลอดเลือด การเกิดภาวะหลอดเลือดตีบเฉียบพลัน ภาวะไตรกลีเซอร์ไรด์สูงในเลือด ฯลฯ อันนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ด้านสุขภาพตามมา
แหล่งที่มาของโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 แต่ละชนิด
ปลาทะเลและสัตว์ทะเล ไขมันสัตว์บกและสัตว์ปีก น้ำมันพืช
โอเมก้า-3 ปริมาณสูง โอเมก้า-3 ปริมาณต่ำ โอเมก้า-3 ปริมาณต่ำ
(อีพีเอ/ดีเอชเอ) (เอแอลเอ)
โอเมก้า-6 ปริมาณต่ำ โอเมก้า-6 ปริมาณสูง โอเมก้า-6 ปริมาณสูง
ปัจจุบัน สมาคมหัวใจอเมริกันและสถาบันสุขภาพสหรัฐอเมริกาแนะนำให้คนทั่วไปบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 ในรูปกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก ( Eicosapentaenoic Acid ) หรืออีพีเอ และกรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก ( Docosahexaenoic Acid ) หรือดีเอชเอ มากกว่าที่เคยแนะนำไว้โดยให้บริโภครวมกันให้ได้วันละ 650 มิลลิกรัม ทั้งนี้กรดไขมันโอเมก้า-3 มักพบมากในปลาทะเล เช่น แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล แมนฮาเดน เทราท์ และพอลล็อก ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นงานกล่าวตรงกันว่าการบริโภคกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยตรงจากปลาทะเลจะมีประโยชน์ในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ช่วยเสริมสุขภาพดวงตาและสมองของทารก
อย่างไรก็ตาม ความเอาใจใส่ในการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอต่อการมีสุขภาพที่ดีได้ หากแต่ต้องมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอร่วมด้วย รวมถึงการเอาใจใส่สุขภาพตามฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง อายุ วิถีการดำรงชีวิต ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ควบคู่กันไป นั่นแหล่ะค่ะการเอาใจใส่ต่อสุขภาพของตนเองอยากให้สุขภาพผิวพรรณของเราสดใสและอยู่กับเราไปนาน ๆ ก็คงต้องอาศัยปัจจัยหลาย ๆ ด้านเข้ามาประกอบกันและหนึ่งในนั้นก็คือการให้ความสำคัญกับสัดส่วนของสารอาหารที่เรารับประทานกันเข้าไปก็มีส่วนช่วยทำให้ผิวพรรณสุขภาพรวมไปถึงรูปร่างของเราแข็งแรงและสดใสไปตามวัยด้วยเช่นกันค่ะ ก็ต้องขอขอบคุณแหล่งข้อมูลที่ดี ๆ อย่างนี้อีกครั้งนะคะ ข้อมูลนี้ได้มาจากสถาบันนิวทิไลท์ ( NUTRILITE ) นิตยสาร Achieve คอลัมน์ Health พบกันใหม่ฉบับหน้านะคะผู้เขียนให้สัญญาค่ะว่าจะเก็บเรื่องราวสาระน่ารู้หรือเรื่องราวที่จะนำประโยชน์หรือความบันเทิงไม่มากก็น้อยมาฝากท่านผู้อ่านอีกนะคะ โชคดีค่ะ
|