ตอนที่ 4 รู้จักอาณาเขตของตัวเอง และไม่ก้าวล้ำใคร
คนทำงานทุกคน มีขอบเขตหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งกำหนดไว้ใน Job Description หรือ Job Profile หรือเอกสารใดก็แล้วแต่ ตามที่องค์การโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคลกำหนด ซึ่งแล้วแต่ว่าจะจัดทำกันอย่างไร และมุ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด หน้าที่และขอบเขตรับผิดชอบนี้ บอกให้เรารู้ว่า เราเป็นใคร เราจะต้องทำอะไร และเนื้องานที่เราทำนั้น ส่งให้กับใคร มีผลกระทบต่อผู้ใด หรืออาจจะบอกได้ด้วยซ้ำไปว่า มีผลกระทบต่อองค์การอย่างไร
พอคุณเข้าไปเริ่มงานกับองค์การใหม่ ข้อเสนอของผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่าง Dr.Karen Otazo ประกอบกับความคิดเห็นส่วนตัวของผมที่อยากให้คุณผู้อ่านที่เปลี่ยนงานลองทำดูก็คือการค้นหา และบอกให้กับคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับเรารู้ว่า เขตแดน ของเรามีแค่ไหน
เขตแดน ที่ว่านี้ หมายถึง เนื้องาน ประเด็นที่คุณดูอยู่ ขอบเขตอำนาจในการตัดสินใจตามความรับผิดชอบของตำแหน่ง และรวมไปถึงวิธีการที่คุณจะทำในการจัดการกับเรื่องเหล่านี้ ท่านผู้อ่านคงทราบดีอยู่แล้ว
ข้อคิดต่อไปก็คือ เมื่อคุณจะประกาศเขตแดนที่ว่าแล้ว จ้องระวังที่จะไม่ไปเหยียบตาปลาของใครเข้า พึงระลึกให้พนักแน่นว่า ช่วงเวลาไม่ว่าจะเป็นการทดลองงานหรือเวลาใดก็ตามในการทำงานของเรานั้น ไม่ใช่เวลาของการไปสร้างความขัดแย้งหรือปัญหากับชาวบ้านเค้า ไม่ใช่เวลาที่จะไปสร้างศัตรูกับใคร หากแต่เป็นเวลาของการสร้างสัมพันธภาพที่ดีรอบตัวคือ 360 องศา เพื่อให้เค้าและคุณช่วยกันทำงานในขอบเขตรับผิดชอบให้เกิดผลดีต่อองค์การ ย่อยลงมายังหน่วยงานของแต่ละฝ่ายให้มากที่สุด รวมทั้งเป็นช่วงเวลาของการทำความเข้าใจมุมมองที่เขาคนอื่นมีต่อการกระทำและพฤติกรรมของคุณ และที่ยากยิ่งกว่าที่คุณจะต้องทำก็คือ การหาจุดสมดุลของการยอมรับนับถือที่คนอื่นเขาควรจะต้องมีให้กับคุณ พร้อมไปกับการที่ตัวคุณเองจะต้องไม่สร้างความแปลกแยกระหว่างตัวคุณกับเพื่อนร่วมงาน หรือกลุ่มคนที่คุณต้องทำงานด้วย
ข้อเสนอแนะในกรณีที่คุณเป็นหัวหน้างานก็คือ คุณควรใช้เวลาในช่วงแรก ๆ ระหว่างทดลองงานนี้เอง พูดคุยกับลูกน้องโดยรับฟังเขาให้มาก อย่าพยายามแสดงความคิดเห็นอะไรนอกเสียจากทำความเข้าใจตัวตนและสไตล์การทำงานของเขา และไม่ควรอย่างยิ่งที่จะรอให้เขาเข้ามาหาคุณ ตรงกันข้าม คุณจะต้องก้าวเข้าไปหาเขา เพื่อสร้างความยอมรับให้เขามีต่อคุณ
ไปทำความรู้จักบทบาทหน้าที่ที่เขามี พร้อมกับแนะนำตัวอย่างกระชับ ถามความคิดเห็นที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับการทำงานของเขา แนวคิดที่เขาคิดว่าต้องการทำเพื่อการปรับปรุงงาน และการปรับปรุงพัฒนาฝีมือของตัวเขาเอง อย่างเพิ่งรีบร้อนที่จะให้ข้อเสนอในการปรับปรุงงานระหว่างนี้ จนกว่าจะได้เวลาที่ผมว่าไว้ก็คือ เวลาที่คุณและเขาต่างเห็นพ้องกันว่า คุณเข้ามาเป็นสมาชิกขององค์การอย่างแนบสนิทเช่นเดียวกับเขาแล้ว
อย่าลืมที่จะเป็น good listener ครับ หากคุณคันปาก และคันไม้คันมือเต็มที่ อยากให้คำแนะนำในการทำงาน ขอให้อดใจไว้ เอาไปพูดให้คุณคนที่สองหน้ากระจกที่บ้านฟังครับ อดใจสักนิด...!! ไม่เสียหายครับ
ผมขอนำเสนอต่อจากเนื้อหาตอนแรก ๆ ที่นำคำแนะนำของผู้รู้มาบอกว่า ให้คุณแกล้งโง่ (แต่ไม่ซึม..) เข้าไว้ระหว่างนี้ ที่ต้องทำแบบนี้ทั้งที่คุณเป็นพวกขาลุยก็เพราะในที่ทำงานใหม่ของคุณนั้น จะมีคนสองกลุ่มที่คุณจะต้องพบ และบังเอิญว่าเขามักมีอิทธิพลต่อคุณเสียด้วยสิ คนกลุ่มแรกคือ คนที่เขารอคั่วตำแหน่งของคุณ แต่เขายังไม่สามารถ ไม่ใช่โชคไม่เข้าข้างครับ ตอนนี้เขามีตำแหน่งต่ำกว่าคุณ แต่ก็ยังเล็งตำแหน่งของคุณไว้ไม่เลิกรา และรอวันคุณพลาด....เพื่อที่จะพิสูจน์ให้หัวหน้าเห็นว่า เขานั่นเองที่เหมาะ... กับคนกลุ่มที่สองคือ คนที่เขาย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น แต่เคยรับผิดชอบงานที่คุณเข้ามาทำ แน่นอนครับคนทั้งสองกลุ่มนี้ ย่อมรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของงานของคุณ
และเมื่อคุณจะต้องเกี่ยวข้องกับสองกลุ่มนี้ ขอให้คุณสร้างแต้มต่อด้วยการ นิ่ง เข้าไว้ อย่างไป takeside กับเขา เพราะคุณอาจจะถูกมองว่าไร้ภาวะผู้นำ จงวางตัวอย่างเป็นกลาง พยายามตั้งคำถาม และฟังเขามากกว่าที่คุณจะพูด บางที การที่เขาพยายามจะมีแต้มต่อเหนือคุณ เขามักจะหลุดอะไรบางอย่างออกมา ขอให้คุณเก็บมาคิดวิเคราะห์และวางแผนรับมือกับเขา ด้วยจิตใจที่ดีงามบริสุทธิ์ มุ่งให้เกียรติเขาอย่างแท้จริง
ไม่ว่าคุณจะเก่งหรือภูมิใจว่าคุณเหนือชั้นมาจากไหน คุณก็ยังต้องอาศัยเขา ทำงานร่วมกับเขาเพื่อสร้างผลงานให้คุณ คราวนี้ คุณเองก็คงต้องฉลาดเพื่อที่จะหาแนวร่วมที่เก่งกาจมาผลักดันงานและเกื้อหนุนให้คุณทำงานได้อย่างมีผลงาน
หนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้ท่านอ่านคือเรื่อง สูตรสำเร็จ 90 วันของผู้นำคนใหม่...บทพิสูจน์ความสามารถของคุณว่าจะอยู่หรือไป เขียนโดยไมเคิล วัตกินส์ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยแล้วครับโดยสำนักพิมพ์ DMG เล่มที่ผมมีพิมพ์เป็นครั้งที่ 5 แล้วครับ (อยากอ่านต้นฉบับเหมือนกันแต่ไม่มีสตางค์ซื้อครับ...) ท่านผู้อ่านลองอ่านดูครับ ผมเชื่อว่าท่านจะได้แง่คิดเมื่อจะต้องไปเริ่มงานใหม่ โดยเฉพาะการไปเริ่มงานในตำแหน่งที่ใหญ่โตนั้น เป็นเรื่องไม่หมูเลยครับ หากมีเวลาพอ ผมจะขอนำบางประเด็นมานำเสนอท่านผู้อ่านต่อไป...!!!
ไปว่ากันต่อในตอนหน้า ซึ่งเป็นตอบจบแล้วครับ