จริงครับท่านผู้อ่านที่ผมเขียนเรื่องนี้โดยต้นเรื่องมาจากความฝันที่ยัง งง งง อยู่เลย เรื่องของมันก็คือว่า เมื่อหลายคืนก่อน ผมฝันไปว่า ตัวเองกำลังเตรียมงานที่จะต้องฝึกอบรมปฐมนิเทศพนักงานใหม่ ผมเลยตั้งคำถามก็น้อง ๆ ที่เข้ารับการอบรม (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนกัน จำได้ว่า หน้าตาไม่รู้จักเลยสักคน) โดยถามไปว่า หัวหน้างานที่ดีนั้น จะประมาณไหนครับ น้องผู้ชายคนนึงตอบมาว่า หากฟังไม่เป็น ไม่รู้จักฟังลูกน้องบ้าง เอาแต่พูดอย่างเดียว แบบนั้นเขาคิดว่าไม่ได้แป็นหัวหน้างานที่ดี ยังไม่ทันได้แสดงความคิดเห็นกันเลยก็ตื่นเพราะนาฬิกาปลุกเช้าต้องไปทำงานแล้ว
เอาล่ะสิครับ มันเริ่มคาใจซะแล้ว จังซี่มันต้องถอน....จังซี่มันต้องถอน...น...น...
ต้องมานั่งไปปริศนาว่า ไอ้เจ้าสิ่งที่เราอยากจะบอกกับน้อง ๆ ที่เข้ารับการอบรมปฐมนิเทศในฝันนั้น หากยังไม่ตื่นนอนตอนนั้น มันคืออะไร เป็นเอามากเหมือนกันครับ
เพื่อมิให้มันค้างคาในใจ ก็เลยต้องไปค้นกันสักเล็กน้อยว่า แล้วการฟังที่ดี หรือที่เรียกว่าเป็นการพังที่ดีนั้น มันแบบไหน หรือพฤติกรรมประมาณไหนหรือ
นั่งคิดกลับไปกลับมาก็นึกได้ว่า มีผู้รู้เขียนหนังสือเรื่องแบบนี้ไว้เหมือนกันนี่นา ที่ว่านั้นคือ Dr.Karen Otazo ในหนังสือชื่อ The Truth About Managing Your Career เนื้อหาน่าสนใจครับ ผมอ่านมาแล้ว และขอนำมาเล่าให้ฟังซะหน่อย
Dr.Karen Otazo บอกว่า คนเรานั้น มีนิสัยที่แปลกแต่จริงว่าไม่ค่อยอยากจะฟังคนอื่นสักเท่าไร ยิ่งกับคนที่เราคิดว่ามีอาวุโสน้อยกว่า ตำแหน่งเล็กกว่า หรืออายุงานน้อยไม่เท่ากับเรา เรายิ่งไม่ค่อยสนใจกับคำพูดหรือความเห็นของเขา อย่างดีกับทำนองรับฟังแบบแกน ๆ เสียมิได้ นั่นเองครับเป็นที่มาของคำที่ลูกน้องมักพูดว่า หัวหน้า หรือพวกพี่พี่ทั้งหลายน่ะดีแต่พูด ไม่ชอบฟังเลย ในขณะเดียวกัน หากอายุอานามไม่ต่างกันมาก ต่างคนต่างพูด ตกลงก็ไม่มีใครฟังใคร...
หนักกว่านั้น เมื่อไม่ค่อยจะฟังใคร ก็คิดเอง เออไปเอง โดยคิดว่าคนอื่นจะคิดจะมองอะไรเหมือนตัวเอง...ซะงั้น
เรื่องน่าสนใจคือว่า การรับฟังนั้น เป็นเรื่องที่เราสามารถสร้างเป็นเสน่ห์ให้กับตัวเองได้ สามารถใช้การรับฟังเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้านายรักได้เช่นกัน
ประโยชน์ที่ว่าไปนั้น ทำให้คุณควรจะกลับมาทบทวนหรือฝึกฝนการเป็นนักฟังที่ดีให้เกิดขึ้นกับตัว ผู้รู้ทั้งหลายท่านว่า การเป็นนักฟังที่ดี มีความสำคัญต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของคุณมากเลยนะครับ
น่าตกใจที่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังขาดพรสวรรค์ และการฝึกอบรมหรือพรแสวงในการฟัง ยังมีการแสดงท่าทางประกอบการฟังแบบที่ไม่น่าดูชมสักเท่าไร นี่ล่ะครับ ก็ต้องมาเรียนรู้วิธี และฝึกฝนกัน
แล้วการเป็นนักฟังที่ดีจะทำฉันใดดีล่ะ...
Dr.Karen Otazo นำเสนอข้อคิดและเคล็ดลับที่น่าสนใจว่า ท่าทางที่เราแสดงออกในระหว่างที่ฟังใครพูดนั้น สะท้อนท่าทีที่เรามีต่อเขาเลยนะครับ ดังนั้น ในขณะที่คุณต้องฟังใครพูดแล้วล่ะก้อ คุณต้องไม่ลอกแลกไปทำอย่างอื่น ลองคิดดูสิครับว่า คุยกันอยู่ดีดี เป็นการเป็นงาน เดี๋ยวก็โทรศัพท์ดัง เดี๋ยวก็โทรศัพท์เข้า แม้คุณจะขอโทษขอโพยเขาเสียยกใหญ่ มันก็ยังสะท้อนให้เห็นอยู่ดีว่า คุณไม่ค่อยที่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขากำลังพูดกับคุณ
ยิ่งคุณเป็นผู้น้อย ที่จะต้องรับฟังผู้ใหญ่หรือหัวหน้างานพูดล่ะก็ พฤติกรรมแบบนี้ รับรองว่า ไม่ได้เกิดครับ
ผมเองมีประสบการณ์ที่เห็นน้อง ๆ หลายคนเป็นแบบนี้ ได้แต่นั่งงง !!! มันอะไรกันนี่ แล้วก็ได้แต่เตือนให้ระมัดระวังครับ เพราะมันเป็นอะไรที่ไม่น่าปลื้มเท่าไรอย่างแน่แท้เชียว แต่หากหัวหน้าเขาจะทำแบบนี้กับเราก็ไม่เป็นไรครับ จงเรียนรู้ไว้ สักวันนึงที่คุณเป็นหัวหน้าเหมือนกันเขา ก็อย่างได้ทำเยี่ยงเขา เท่านั้นก็พอเพียงแล้ว
อย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ซีเรียสครับ โดยมารยาทของการสนทนากัน ยิ่งกับเรื่องงานเสียแล้ว กฎกติกามารยาทที่จะต้องนึกถึงก็คือ เวลาที่เราจะต้องรับฟังใครก็ตามที่เขาพูด การรู้จักควบคุมสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องวอกแวก เป็นเรื่องสำคัญ แต่เรามักไม่ค่อยคิดว่ามันสำคัญ
คราวนี้ จะรับฟังใครทั้งที มันก็ต้องตั้งใจล่ะครับ อย่างไรก็ดี ความสนใจในการฟังของคนเรานั้นมีหลายแบบแตกต่างกันไปบ้าง บางคนต้องกระดิกขา บางคนก็ต้องนั่งทำปากจู๋ บางคนก็ต้องวาดรูป และก็มีบ้างที่ต้องหมุนปากกาไปมาในมือ บางคนที่ไม่เก่งก็ตกแล้วตกอีกเป็นรำคาญเสียจริง แต่ก็นั่นล่ะ วิธีการที่เขาสร้างสมาธิในการรังฟังของเขา ทางที่ดี ผู้พูดเองควรที่จะเรียนรู้ไว้ และที่ดีกว่านั้น หากคุณจะต้องฟังใครเขาพูด หากจะบอกว่า เอาพฤติกรรมแบบนั้นของคุณ ไม่ได้หมายถึงคุณไม่ให้เกียรติเขานะ แต่เป็นวิธีการสร้างความใจจดใจจ่อของเขาต่อสิ่งที่เขาพูด แบบนี้ก็ช่วยได้ อย่างน้อยก็ช่วยให้เข้าใจและรักษาสัมพันธภาพที่ดีระหว่างกันได้ไม่น้อย
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การโต้ตอบไปยังผู้พูดครับ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความสนใจตั้งใจฟังของคุณ แต่การตอบโต้นี้จะให้ดีต้องมีจังหวะจะโคน หลายคนโต้ตอบแบบยังกับจะแย่งคนพูดพูดเสียเอก ยังไม่ทันได้ฟังความจนจบก็พูดสวนแล้ว แบบนี้ ใครล่ะจะอยากพูดกับคุณ
เขียนมามากมายแล้ว ก็หวังว่า ท่านผู้อ่านจะใช้สำรวจตัวเองและปรับใช้ตามความเหมาะสม สำหรับผมนั้น เอาเป็นว่าสบายใจแล้ว ไม่ติดค้างในใจจากฝันให้ต้องกังขา
เฮอ นี่แค่ฝันนะ เอาเรื่องเหมือนกันนะนี่...!!!