มาเอาเปรียบตัวเองกันดีกว่า
การเอาเปรียบตัวเองเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการลดน้ำหนักก็คือ การรับพลังงานให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการนำไปใช้นั่นเอง การเอาเปรียบก็คือการติดหนี้ คือการหยิบยืมแล้วไม่คืนนั่นเอง เอาเปรียบให้หนัก ๆ น้ำหนักก็จะลงไว ทั้งนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการกินอาหารที่มีประโยชน์สูงสุด หากมีฐานะการเงินในขั้นพอมีพอใช้ถึงค่อนไปทางมีอันจะกิน ก็ซื้อหาวิตะมินเสริม แร่ธาตุจำเป็นที่อาจหาไม่ได้จากการทานอาหารในแต่ละวัน มาช่วยเสริมให้ร่างกายไม่ทรุดโทรม หากมีความรู้เรื่องการทานค่อนข้างดี รู้จักเลือกทานและอยู่ในแหล่งที่มีอาหารในแบบที่สามารถเลือกทานได้ ไม่บำรุงความอ้วน ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้ออาหารเสริมราคาแพง ๆ
ในบทก่อนหน้า ได้ยกตัวอย่างหญิงน้ำหนัก 54 กิโลกกรัม (119.05 ปอนด์) ได้ให้แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมไว้ในบทที่ผ่านมา เรื่องของการคำนวณค่าพลังงานที่ใช้ในการออกกำลังกายสำหรับผู้ต้องการทราบว่าควรออกกำลังกายอย่างไรจึงจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้สูงสุด เรามาดูกันว่า การออกกำลังแต่ละแบบในเวลา 1 ชั่วโมง จะใช้พลังงานไปเท่าไหร่
ว่ายน้ำ 228.57 kcal
แบดมินตัน 507.14 kcal
แอโรบิคดานซ์ 321.43 kcal
ขึ้นบันได 485.72 kcal
โยคะ 214.28 kcal
ยกตัวอย่างมาให้ดูเพียงแค่นี้ก่อน ส่วนใครอยากออกกำลังกายแบบอื่น ก็ตรวจสอบพลังงานที่จะได้ใช้ตามลิงค์ที่ให้ไว้ในบทก่อนหน้านี้ละกันนะจ๊ะ
หากผู้หญิงคนนี้ต้องการลดน้ำหนักตัวลงให้ได้อย่างน้อย ๆ 5 กิโลกรัม ภายในเวลา 4 สัปดาห์ หรือประมาณ 1 เดือน เธอจะต้องจัดโปรแกรมการกินและออกกำลังอย่างไรจึงจะกำจัดน้ำหนักส่วนเกินที่ต้องการออกได้ทันเวลา เป็นไปได้ว่าอาจกำลังเตรียมตัวไปงานแต่งงาน หรือ เตรียมตัวเป็นเพื่อนเจ้าสาว ที่ไม่คิดว่าเธอจะเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว เพราะส่วนใหญ่เจ้าสาวเค้าน่าจะเตรียมตัวกันเนิ่น ๆ อย่างน้อย ก็มากกว่า 3 เดือนล่วงหน้า อิ อิ คิดไปไกลเลย วกกลับมาที่การคำนวณแคลอรี่ที่ต้องใช้ไปในแต่ละวัน เพื่อให้ใช้ได้หมดพอดีภายในกำหนด ซึ่งก็คือน้ำหนักตัวส่วนเกิน 5 กิโลกรัมต้องหายไป เข้าเรื่องกันดีกว่า
การจะสูญเสียน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต้องทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงาน 7700 กิโลแคลอรี่ ซึ่งในกรณีนี้เธอผู้มีน้ำหนัก 54 กิโลกรัม ต้องการลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม จึงต้องทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากถึง 38,500 กิโลแคลอรี่ โดยตามปกติแล้วร่างกายของผู้หญิงในวัยทำงานเช่นเธอ จะต้องการพลังงานวันละประมาณ 2,100 กิโลแคลอรี่ หากว่าเธอไม่ได้ทำงานนอกบ้านแต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านเฉย ๆ อาจเผาผลาญพลังงานน้อยกว่านั้น คือ 1,000-1,500 กิโลแคลอรี่ก็เป็นได้ หมายความว่า เธอต้องออกกำลังมากขึ้น หรือทานน้อยลงนั่นเอง สมมติให้เธอเป็นพนักงานออฟฟิสก็แล้วกัน หากในแต่ละวันเธอทานอาหารที่ให้พลังงานทั้งหมดเพียงแค่ 1,500 กิโลแคลอรี่ (ควรระวัง ไม่ทานน้อยเกิน เพราะจะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย) ร่างกายจะดึงพลังงานที่สะสมไว้ในรูปไขมันหรือน้ำหนักส่วนเกินมาเพิ่มเติมอีก 600 กิโลแคลอรี่ หากเป็นเช่นนี้ 28 วันต่อเนื่องก็จะทำให้เธอลดน้ำหนักได้ถึง 2.18 กิโลกรัม ภายใน 4 สัปดาห์ โดยไม่ต้องออกกำลังกายเพิ่มเติมเลย แต่นั่นยังไม่ใช่น้ำหนักที่เธอตั้งเป้าไว้ หากเธอทำงานหนัก เหนื่อยจัดอยู่แล้วและไม่สามารถลดปริมาณแคลอรี่จากอาหารที่ทานในทั้งวันได้ เธอก็ต้องออกกำลังกายเพิ่มเติม เพื่อที่จะลดน้ำหนัก อีก 2.82 กิโลกรัม ซึ่งก็เท่ากับ 21,714 กิโลแคลอรี่ ภายใน 28 วัน เธอต้องออกกำลังกายด้วยวิธีใดก็ตาม ให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานเพิ่มเติมอีก 775.5 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน ซึ่งถ้าเธอชอบเล่นแบดมินตันและมีเรี่ยวแรงจะเล่นได้นานถึงชั่วโมงครึ่งทุกวัน ก็สามารถจะลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย หรืออาจจะว่ายน้ำ ร่วมกับแอโรบิคส์ดานซ์บ้างในบางวันก็ได้
หากเธอจะลักไก่ หรือเอาเปรียบตัวเองให้มากหน่อย ก็เปลี่ยนกลเม็ดเป็นทานให้น้อยลงกว่า 1,500 กิโลแคลอรี่ ยิ่งทำให้เราเป็นหนี้พลังงานที่ต้องเพิ่มเข้าไปใช้ในการเผาผลาญในแต่ละวัน เมื่อร่างกายเจอกับภาวะติดลบก็จะดึงเอาไขมันส่วนเกินออกมาเผาผลาญมากขึ้น เธอก็จะเหนื่อยกับการออกกำลังกายน้อยลง แต่วิธีนี้ ทำให้เธอต้องระมัดระวังเรื่องการทานมากขึ้น สารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับก็ไม่ควรขาด ไม่เช่นนั้นเธออาจเจ็บไข้ได้ป่วยก่อนจะสวย การลักไก่อีกวิธีหนึ่ง คือเพิ่มระยะเวลาการทำกิจกรรมในแต่ละวัน แน่นอนว่าเรามีเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน เท่า ๆ กัน หากว่าเคยตื่นนอน 6.30 น. เพื่อไปทำงานให้ทัน 8.30 น. ก็เปลี่ยนเป็นตื่นนอน ตั้งแต่ 5.00 น. แล้วเดินไปเดินมา ขึ้นลงบันได ทำความสะอาดบ้าน ฯลฯ เป็นการเพิ่มภาระงานให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้นอีก หากร่างกายเพิ่มความต้องการพลังงานงานมากขึ้น ระดับพลังงานที่ร่างกายต้องการอาจกลายเป็น 2,200 กิโลแคลอรี่ ต่อวัน หมายความว่า ในทุก ๆ วันร่างกายจะเผาผลาญพลังงานที่เธอติดหนี้อยู่มากขึ้น ถ้าเธอทำอย่างต่อเนื่อง และระมัดระวังเรื่องการเลือกทานอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับรองได้ว่า เธอจะสามารถกำจัด 5 กิโลกรัมส่วนเกินนั้นได้ภายใน 28 วัน หรือ 4 สัปดาห์แน่นอน โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วนแต่อย่างใด
ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในกลุ่มผู้ล้มเหลวกับการควบคุม หรือ ลดน้ำหนัก ก็คือ อาการเบื่อ เพราะเริ่มต้นเคร่งครัดกับตัวเองมากเกินไป ทานอาหารไม่ครบถ้วน ทำให้ร่างกายเกิดภาวะอดอยาก ทำให้ยิ่งโหยหิวมากขึ้น และเมตาบอลิซึม หรืออัตราการเผาผลาญพลังงานลดลงกว่าปกติ ในระยะยาวทำให้เธอลดน้ำหนักยากขึ้นอีก เพราะทานเท่าเดิมแต่ร่างกายนำไปเผาผลาญและนำออกมาใช้น้อยกว่าปกติ เนื่องด้วยร่างกายมีกลไกประหยัดพลังงานในภาวะที่ร่างกายเผชิญกับความอดอยากนั่นเอง ดังนั้นผู้ต้องการลดน้ำหนักอย่างมีความสุขและได้ผลดี ควรเริ่มต้นด้วยการควบคุมจิตใจตัวเองได้ดี ปรับตัวเข้ากับภาวะที่ไม่คุ้นเคยในระยะแรก โดยไม่อดอาหารสักมื้อ เลือกทานแต่ของมีประโยชน์ ทานของชอบได้บ้างหากจำกัดปริมาณได้ดี คำแนะนำและโปรแกรมอาหารต่าง ๆ มีให้ค้นอ่านมากมายทางอินเตอร์เน็ต ที่ยกมาให้ดูเป็นเพียงแค่หนึ่งแหล่งข้อมูลเท่านั้น สาวไทยทำไว้ก็มีมากลองหาอ่านกันดูตามชอบใจได้เลยจ้า
บทต่อไปจะกล่าวถึงสิ่งอื่น ๆ ที่ควรทำและตระเตรียมนอกเหนือจากการกินและการออกกำลัง อาจดูมากเรื่องแต่พอทำจริง ๆ ก็จะเคยชินและรู้สึกว่า ลดความอ้วนอย่างมีความสุขทำได้ง่ายนิดเดียว
|