หน้าแรก เขียนใบสมัครงาน ลงโฆษณางาน ค้นหาใบสมัครงาน คู่มือการใช้งาน Menu

สนใจลงโฆษณา โทร. 02-275-1900, 02-612-4900, 038-395000

space
   ค้นบ่อย : หางานบัญชี, หางานธุรการ, หางานจัดซื้อ, หางานผู้จัดการ, หางานขับรถ, หางานบุคคล, หางานคลังสินค้า, หางานครู, หางานวิศวกร, หางานเขียนแบบ, หางานคีย์ข้อมูล, หางานการตลาด, หางานโรงแรม, หางานสิ่งแวดล้อม, หางานคอมพิวเตอร์, หางาน Programmer, หางานประชาสัมพันธ์, หางานช่าง, หางานสถาปนิก
เรื่อง ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์ ตอนที่๓ (ขั้นพยายามต่อยอดองค์ความรู้)
เขียนโดย นายธนากรณ์ ใจสมานมิตร

Rated: vote
by 10 users

คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?

 




ความสุขที่แท้จริงของมนุษย์

 

ตอนที่๓ (ขั้นพยายามต่อยอดองค์ความรู้ โดยกรณีศึกษา)

        ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือของ จิม  แม็กอิงเวล เจ้าของธุรกิจแกลเลอรี่เฟอร์นิเจอร์ “แมตเทรส แม็ก” ซึ่งเขาได้เขียนถึงความเป็นมา และหลักการในการประกอบธุรกิจของเขาที่ไม่มีอยู่ในตำราเล่มไหน ทุกสิ่งทุกอย่างเขาได้เรียบเรียงขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขา โดยปรกติการศึกษาอัตชีวประวัติของใครก็ตามผู้ศึกษาจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อเท็จจริงอย่างดีพอ และที่สำคัญความแตกต่างที่อยู่ในบุคคล (ปัจเจกบุคคล) เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีความแตกต่าง ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบชีวิตใครแล้วจะให้ผลสำเร็จที่เหมือนกันได้ ดังนั้นจึงขอนำมาเป็นกรณีศึกษาเพื่อการต่อยอดองค์ความรู้กันนะครับ

            หนังสือหลายๆเล่มจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิต , การทำธุรกิจ , ความสำเร็จในอาชีพ ฯลฯ ถ้าพิจารณาจากชื่อหนังสือแล้วมักมีอิทธิพลดึงดูดผู้ซื้อ (ผู้บริโภค) อย่างมาก โดยนัยแล้วก็จะเป็นประเภท อ่านจบแล้วสามารถประสบความสำเร็จกันได้เลยทีเดียว เวลาที่เปิดอ่านก็มักจะมุ่งเน้นไปถึง วิธีการสู่ความสำเร็จ มากกว่าการไปสืบค้นหาข้อมูลก่อนความสำเร็จที่แสนจะเจ็บปวด ซึ่งผู้เขียนบางท่านกล่าวไว้ในบทนำส่วนแรกๆ แต่บางท่านก็ไม่ได้กล่าวไว้ จากข้อสังเกตของผมพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จ (สำเร็จอย่างสง่างามทุกๆด้าน) มักจะต้องเป็นผู้ที่ผ่านความยากลำบากมาก่อนเสมอ เปรียบเสมือนกับนักกีฬาที่มุ่งมั่นซุ่มซ้อมเพื่อปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับความเจ็บปวด ยิ่งเจ็บปวดมากก็ยิ่งได้เปรียบ ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ทักษะดีเหนือผู้อื่นเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้เพราะ “หากไม่มีความเจ็บปวด ย่อมไม่มีความสำเร็จ” ความสำเร็จส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความอดทนต่อความเจ็บปวดให้ได้มากกว่าผู้อื่น ทักษะที่เก่งกล้าสามารถนั้นเป็นเพียงปัจจัยที่รองลงมาเท่านั้น จิม แม็กอิงเวล กล่าวไว้ว่า “ในทางธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ผู้บริหารหลายท่านหลีกเลี่ยงการรับฟังข่าวร้าย และยอมเสียผลประโยชน์ที่จะได้อย่างมหาศาลจากสิ่งนี้ เพราะพวกเขาทนต่อความเจ็บปวดไม่ได้ อัตตาของพนักงานอาจถูกทำลาย พวกเขากลัวปฏิกิริยาจากหัวหน้า หรือกลัวถูกไล่ออก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่เขาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการรับรู้ข่าวร้าย ประเด็นสำคัญก็คือ การหลีกเลี่ยงนั้นทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของเขานั่นเอง”[๑]

            แม็กกำเนิดที่สตาร์กวิลล์ มลรัฐมิสซิสซิปปี และย้ายมาอยู่ที่ดัลลัส มลรัฐเทกซัสตอนเขาอายุได้สามขวบ คุณแม่ทำงานเวชระเบียน ส่วนคุณพ่อเป็นพนักงานขายประกันและเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ ฐานะทางครอบครัวของแม็กอยู่ในระดับชนชั้นกลางแต่ตัวเขาเองตอนสมัยเป็นเด็กก็มีเงินทองใช้ไม่เคยขาดมือ ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของแม็กเองต่างมีความขยันและเอาใจใส่ต่อลูกๆ ซึ่งจุดนี้เองจึงเป็นพฤติกรรมต้นแบบอย่างดีให้แม็กซึมซับและรับรู้มาโดยตลอด แม็กเป็นนักเรียนที่ดีแต่ไม่ได้ถือว่าเก่งหรือโดดเด่นกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน ขณะศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเทกซัส แม็กเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัย จนปีการศึกษาสุดท้ายก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีม ช่วงวัยนี้เขามีความสุขอย่างมากกับการได้เป็นนักอเมริกันฟุตบอล มีความสุขที่จะได้ฝึกซ้อม ออกกำลังกายเพื่อรักษาสภาพความพร้อมของร่างกายอยู่ตลอดเวลา จุดนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการประกอบธุรกิจแรกของเขา โดยที่เขาไม่รอให้สำเร็จการศึกษาก่อนเสียด้วยซ้ำไป เนื่องจากเขาเป็นคนที่คิดและลงมือทำทันทีในสิ่งที่เขารู้ว่าอะไรควรทำ

            การเปิดสโมสรสุขภาพเป็นธุรกิจแรกที่แม็กได้มุ่งมั่นทุ่มเทด้วยความรักและความชอบของตนเองเป็นทุน โดยมีคุณพ่อคอยให้คำปรึกษา และเฝ้าดูอยู่ห่างๆในตลอดระยะเวลาห้าปี แม็กได้เปิดสาขาของสโมสรไปรวมหกสาขา แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่าตัวเขาเองนั้นมีสัญชาตญาณความรับรู้สิ่งผิดปกติบางสิ่งบางอย่างได้หลังจากการเปิดสาขาที่สาม โดยตัวเขาบอกว่า “บางครั้งผมตระหนักได้ว่าผมไม่ได้เอาใจใส่ต่อลูกค้าของผมอยางเพียงพอ มาสามารถดูแลหรือตรวจสอบรายละเอียดต่างๆของกิจการได้ และมีหลายครั้งที่ต้องผิดนัดการประชุม คำโบราณที่ว่า คุณไม่สามารถยิงนกสองตัวด้วยกระสุนนัดเดียว เหมาะสมกับผมมากที่สุด ผมเป็นผู้จัดการที่ชอบลงมือปฏิบัติ และอยากมีส่วนร่วมกับทุกเรื่องในกิจการของผม ผมปกปิดความรู้สึกกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยการเปิดสโมสรสุขภาพสาขาที่สี่และสาขาที่ห้า แต่สาขาที่หกนั้นเป็นเสมือนฟางเส้นสุดท้าย เพราะสโมสรสุขภาพทั้งหกสาขาทำให้ผมแทบไม่มีเวลามานั่งคิดถึงการบริหารกิจการ ผมเริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวและหวาดระแวง ไม่มั่นใจในตัวพนักงาน ธุรกิจ และแม้แต่กระทั่งตัวผมเอง ลูกค้าสังเกตได้ว่าเราขาดความเอาใจใส่ในการบริการ พวกเขาจึงหายหน้าหายตาไป จนกิจการเริ่มหาเงินมาจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆยากขึ้นสุดท้ายไม่มีเงินสดมาหมุนเวียนในสโมสรสุขภาพ ไม่มีเงินคืนเจ้าหนี้ในระดับที่น่าพอใจ ผมก็ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ผมกลายเป็นคนหมดตัวครับ”[๒]

            จากกรณีศึกษาของแม็กพอจะชี้ให้เห็นถึง วิถีการดำเนินชีวิตของคนในสังคมตะวันตกได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นวิถีการเลี้ยงดู , บทบาทหน้าที่ด้วยสำนึกของความเป็นพ่อเป็นแม่และการเป็นแบบอย่างให้กับลูก , กรอบแนวคิดของบุคคล ฯลฯ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คงจะไม่แตกต่างกันมากนักไม่ว่าจะเป็นคนในสังคมตะวันตก และตะวันออกอย่างไทยเรานั่นก็คือ วิถีการดำเนินชีวิตที่จะต้องรักษาสมดุลย์ เพื่อให้เกิดความพอดี หรือทางสายกลางนั่นเอง และแน่นอนแม็กได้ประสบพบเจอกับปัญหานี้เข้าแล้ว แม็กยอมรับว่าหลังจากความล้มเหลวในธุรกิจสโมสรสุขภาพที่อาจถือได้ว่าเป็นธุรกิจเริ่มแรกที่สอนให้เขาได้รับรู้ / ดื่มด่ำกับความสุข จากความสำเร็จเพียงชั่วครู่ที่เป็นเพียงภาพลวงตา และเมื่อความสุขจางหายไปก็กลับขั้วเป็นความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ผลจากความล้มเหลวทำให้แม็กเองสูญเสียความมั่นใจ แยกตัวออกห่างจากคนอื่นมากขึ้น (ปรกติแม็กเป็นคนเก็บตัวและชอบสันโดดอยู่แล้ว) หดหู่และหมดกำลังใจในการสิ่งใดๆต่อไป

          วันหนึ่งซึ่งเป็นเช้าวันอาทิตย์ แม็กได้ดูรายการโอรอล โรเบริตส์ นักเทศน์ชื่อดัง ด้วยความบังเอิญในขณะที่ตัวเขากำลังสับสน เพราะว่าปกติแม็กจะไม่ค่อยสนใจรายการประเภทนี้สักเท่าไร วันนั้นแม็กบอกว่า มันเหมือนกับว่าโอรอล โรเบริตส์กำลังมายืนพูดอยู่ต่อหน้าเขาทำให้เขาเกิดแรงผลักดันที่จะลุกขึ้นยืนหยัดและค้นหาตนเองให้พบว่าเขาเหมาะกับสิ่งใด?อย่างไร? จนเขาสามารถค้นพบธุรกิจเฟอร์นิเจอร์อันเป็นความหลงไหลที่เกิดขึ้นกับตัวเขาในวัยเด็กโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณแม่ “แม่ผมมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ และมักจัดข้าวของในบ้านตลอดเวลา แม่ชอบซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร ทำให้ห้องดูหรูหรา ผมมักช่วยแม่จัดของจนกลายเป็นคนที่มีความสามารถในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่จะทำให้ห้องมีความโดดเด่นเฉพาะตัว ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนความสนใจนี้มาเป็นอาชีพผมต่อไป”[๓] แม็กกล่าว หลังจากนั้นแม็กได้ไปสมัครเป็นพนักงานขายเฟอร์นิเจอร์ที่ร้านในเมืองดัลลัสก่อนด้วยวัตถุประสงค์หลักสองอย่าง คือการเรียนรู้ธุรกิจและเก็บเงินเพื่อเป็นทุนตั้งต้นสำหรับเปิดร้าน หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปีแม็กก็เปิดร้านแกลเลอรีเฟอร์นิเจอร์ที่เมืองฮุลตัน การเปิดร้านแกเลอรีเฟอร์นิเจอร์ในเบื้องต้นนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากมาก เพราะด้วยเงินทุนที่จำกัด (ประมาณห้าพันดอลลาร์) , สถานที่เปิดร้านที่เป็นแหล่งเสื่อมโทรมสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอยู่ , อีกทั้งระยะทางจากดัลลัสมาที่ฮุลตันห่างกันถึง สามร้อยแปดสิบกิโลเมตร สงสัยไหมครับว่าทำไมต้องมาไกลถึงขนาดนี้ ทำไมไม่เปิดร้านขายที่ดัลลัส?

            นี่คือความสง่างามที่ผมได้รับรู้จากนักธุรกิจผู้ต่อสู้ชีวิต แม็กให้เหตุผลว่า “ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่ควรจะเปิดร้านของตนเองสักที แต่ความภักดีที่มีต่อเออร์นี (เจ้าของร้านที่แม็กไปทำงานด้วย)ทำให้ผมไม่คิดที่จะเปิดร้านในดัลลัส ผมไม่อยากแย่งธุรกิจมาจากเขา ผมรู้ว่าตัวเองสามารถขายเฟอร์นิเจอร์ในดัลลัสได้ และเป็นหนทางที่ง่ายด้วย แต่ผมรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง เมื่อผมคิดว่าจะไปขายที่ไหนดี เมืองฮุลตันก็แวบขึ้นมาในหัวผม”[๔] นี่คือสิ่งที่ผมเรียกมันว่าเป็นความสง่างามที่ครบองค์ประกอบของหลักคุณธรรมและจริยธรรม สำหรับการดำเนินกลยุทธ์ของแม็กในช่วงแรกนั้นจะใช้วิธีลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์และใบปลิว แล้วซื้อเฟอร์นิเจอร์มาให้แค่ให้พอขายในหนึ่งสัปดาห์ แล้วลากรถพ่วงกลับไปดัลลัสทุกคืนวันเสาร์เพื่อบรรทุกเฟอร์นิเจอร์มาขายในอาทิตย์ต่อไป การเดินทางไปกลับระหว่างฮุลตันและดัลลัสใช้เวลาตั้งแต่สี่ทุ่มในคืนวันเสาร์ถึงแปดโมงเช้าวันอาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่ม ผสานกับการจัดการความประทับใจของลูกค้าอย่างเหนือความคาดหมายด้วยหลักการ ส่งของให้ถึงที่ในวันเดียวกัน ซึ่งจุดแข็งนี้ร้านเฟอร์นิเจอร์อื่นที่เป็นคู่แข่งไม่ได้ให้ความสำคัญและคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ กิจการของแม็กไปได้ด้วยดีด้วยการทุ่มเททำงานอย่างหนักของเขาตลอดช่วงสองสามปีแรกเขารู้สึกมีความสุขที่ได้บริหารงานของตัวเอง จนเขาแทบจะไม่วิตกเรื่องคู่แข่งเพราะเขาคิดว่า เขาทำงานหนักกว่าคู่แข่งและยังทำงานหนักยิ่งขึ้นในอีกยี่สิบปีต่อมาด้วย

            ดูเหมือนว่าแม็กจะค่อยๆเรียนรู้ความสำเร็จจากประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดของเขาเอง ด้วยความพอเหมาะพอดีในบางส่วน แต่ในบางส่วนเขาก็ยังยึดติดไว้ที่ความสุขขั้วเหมือนกัน แต่แล้ววันหนึ่งแม็กก็เข้าใจและกล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมได้จากการอ่านและการสังเกตก็คือ เราทุกคนมีระดับความคลั่งไคล้ในบางสิ่งมาก จนยอมให้ความปรารถนานั้นมาทำลายตัวเองอย่างรวดเร็วในระยะยาว ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนสร้างแกเลอรี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปผมเรียนรู้ที่จะถอย ในยามที่ผู้อื่นถูกเคี่ยวเข็ญจนทำงานไม่ไหวจากความมุ่งมั่นและความแรงกล้าของผม บางครั้งผมใช้งานพนักงานหนักจนเกินไป ผมยังคาดหวังให้ทุกคนทำงานในวันหยุด ทำงานได้สิบห้าชั่วโมงต่อวัน ทำทุกอย่างเพื่อส่งของให้ทันภายในวันเดียวกัน และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในที่สุดผมก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำงานหนักได้เหมือนผม แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตราบใดที่พวกเขาดูแลลูกค้าได้ดี ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และทำงานอย่างเต็มความสามารถเท่านี้ผมก็พอใจแล้ว ผมใช้เวลาหลายปีกว่าจะเรียนรู้ว่า แต่ละคนมีความแตกต่าง และเราต้องเคารพในความแตกต่างนี้”[๕] จากวันนั้นจนถึงวันนี้ จิม แม็กอิงเวล เจ้าของธุรกิจขายปลีกเฟอร์นิเจอร์เพียงแห่งเดียวในฮุสตันที่มีสินค้าให้เลือกมากที่สุด ทำยอดขายถึงสองร้อยล้านดอลล่าร์ต่อปี โดยสิ่งสำคัญสำหรับแกลเลอรี ภายใต้แบรนด์ “แมตเทรส แม็ก” ก็คือ การตอบแทนสังคมและวางตัวเป็นประชากรที่ดีของชุมชน โดยในทัศนะของแม็กนั้นมองว่าการให้ผู้อื่นเป็นเรื่องอิ่มเอมใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรายังล้มลุกคลุกคลานอยู่ การให้สิ่งของและความช่วยเหลือแก่ผู้อื่นจะสร้างความรู้สึกพึงพอใจให้เราได้ การตอบแทนชุมชนที่เราอาศัยอยู่ ทำงานอยู่ และสถานที่ซึ่งเราเคยเล่นสนุกสนานจะทำให้เรารู้สึกดีได้ ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงของคนๆหนึ่งที่มีทั้งความสุข, ความทุกข์ , ผิดหวัง , สมหวัง , ดีใจ , เสียใจ ถึงแม้จะไม่ได้ยึดเหนียววิถีแห่งพุทธเช่นเดียวกับเรา แต่หลักการปฏิบัติตนนั้นสอดคล้องอย่างเหมาะสมเลยทีเดียว



[๑] Jim  Mclngvale “Always Think Big” . ฉบับแปลไทย โดย ดร. นิเวศน์  เหมวชิรวรากร . บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น , ๒๕๔๙ : ๖๖

[๒] Jim  Mclngvale “Always Think Big” . ฉบับแปลไทย โดย ดร. นิเวศน์  เหมวชิรวรากร . บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น , ๒๕๔๙ : ๑๙

[๓] Jim  Mclngvale “Always Think Big” . ฉบับแปลไทย โดย ดร. นิเวศน์  เหมวชิรวรากร . บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น , ๒๕๔๙ : ๓๐

[๔] Jim  Mclngvale “Always Think Big” . ฉบับแปลไทย โดย ดร. นิเวศน์  เหมวชิรวรากร . บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น , ๒๕๔๙ : ๓๑-๓๒

[๕] Jim  Mclngvale “Always Think Big” . ฉบับแปลไทย โดย ดร. นิเวศน์  เหมวชิรวรากร . บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น , ๒๕๔๙ : ๔๔




ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้ ...

 

user_icon

Knowledge Center
knowledge center
knowledge

star

เคื่องยนต์ร้อนจัดห้ามใช้
 
เรื่องน่ารู้ตามหมวดหมู่
• การแพทย์
• ความรู้ทั่วไป
• เรื่องของผู้หญิง
• กีฬา
• ข่าวและสื่อ

และอื่น ๆ อีกมาก

  ค้นหาเรื่องที่คุณสนใจ
ระบุ keyword
 
True vision

TV Icon

TV Interview

หลากเรื่องราวทางธุรกิจ แง่มุมของผู้บริหาร จากบริษัทชั้นนำต่างๆ

dot
HR Corner
สัมภาษณ์คัดเลือกผู้สมัครงานอย่างไร? ให้ตรงสเป็ค
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
The Seeds of Innovation นวัตกรรมใหม่แห่งการพัฒนาบุคลากร
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
 
การสร้างความแตกต่าง ให้เหนือคู่แข่ง
คุณมกร พฤฒิโฆสิต
https://www.jobpub.com/new_images/play.gif
dot

https://www.jobpub.com/new_images/playall_b.gif

 

หางานบ่อย : บิ๊กซีปัตตานี ขับรถรับส่งนักเรียนนนทบุรี ่บ้าน รับงานทำที sales restuarent, Purchase พนักงานบัญชี เขตรังสิต dEs,kp steff ควบคุมคุฌภาพ โลตัสพิษณุโลก ประสานงาน พระประแดง ครู+จีน+นน nex can งานด้านเกษตร เชียงใหม่ DANA DANA นัดพบแรงงาน ET งาน ขายหนัง เขียนแบบ สมุทรปราการ สมัครงาน มหาสารคาม bol เบิ้ พนักงานจักเรียงสินค้า เรียงสินค้า นครปฐม Paroll หาดใหญ่ วิศว ไฟฟ้า sale ผู้แทน ไทแมคเวล เหมาะสม POF sales rep bargay ขนถ่าย ไทย โค ญ่ีปุ่น คลังสินค้า บางนา พนักงานบัญชี เขตบางพลี 66/33 Moo1, Tambon Bangkan การเงินหลักสี่ สาทร 30,000 หัวหน้าพนักงานจัดเรียงสินค้า magnacom บริษัทขนส่งจำกัด แม่บ้านแฟลต งานบัญชี สายไหม สาทร บางรัก สีลม bts ถนนรามลาดพร้าว เลขา บัญชี งานที่รับทุกสาขาวิชา บริษัท บีควิก ผู้จัดการฝ่ายF&B