คนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดจริงหรือไม่ในอุตสาหกรรม
Training most importance, behind profit and product. When the order was low, The product low, They are lay off WORKER. Every factory. Whenever customers need all good, Operators are work hard, usually time over time, all full time. Not have a time for trained again. Where are skill ?
เมื่อเกิดวิกฤติทางด้านผลผลิตทีไรเห็นเกือบทุกโรงงานที่พนักงานต้องถูกเลิกจ้างด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งพนักงานประจำและพนักงานรับเหมาแรงงาน บางที่ก็ดำเนินการตามกฎ ระเบียบของกฎหมายแรงงาน บางที่ก็ว่ากันด้วยเล่ห์กลของฝ่ายทรัพยากรบุคคลตามช่องว่างของกฎหมาย
ทั้งที่สมัยที่เรียนอยู่นั้น ได้รับการสั่งสอนมาว่า ตราบใดก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์ความต้องการสินค้าของลูกค้าลดลง ให้ถือว่าเป็นโชคดี เป็นโอกาสดีที่จะได้มีการพัฒนาบุคลากรของตนเองให้มีทักษะ(Skill) ในการทำงานที่ดีขึ้น เพราะเมื่อลูกค้ากลับมามีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จะได้พัฒนากระบวนการต่างๆได้ดีขึ้น สามารถเป็นผู้นำหรือสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ดี
แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็เหมือนกันหมด คือ เลิกจ้าง เมื่อมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นก็ เปิดรับเข้ามาใหม่ สอนกันใหม่
แล้วก็บ่นกันว่า พนักงานขาดทักษะ
ไม่มีเวลาสอน เพราะต้องเร่งทำงาน
ทำตามตัวอย่างก็พอแล้ว
ในช่วงวิกฤติการณ์ Hamburger ในปลายปี 2551-2552 แตกต่างจากช่วงวิกฤติการณ์ ต้มยำกุ้ง ในปี 2540 -2541 มาก เพราะช่วงวิกฤติการณ์ ต้มยำกุ้ง เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวก็ยังมีคนกลับเข้ามาสมัครทำงานเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมได้มากและเพียงพอต่อความต้องการของอุตสาหกรรม แต่ในปลายปี 2552 ที่หลายต่อหลายส่วนต่างออกมาบอกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วนั้น สถานประกอบการหาบุคลากรเข้าทำงานได้ยากมาก ถึงขั้นขาดแคลน
เกิดอะไรขึ้น?
คนวัยทำงานหายไปไหน?
ถ้าลองมองให้ดีในอดีตนั้น ในชนบท หรือที่เรียกว่าภาคเกษตรกรรม มีแต่คนเฒ่า คนแก่
คนวัยทำงานหายไปไหน?
ก็หายจากภาคเกษตรกรรมเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมในสังคมเมือง
แต่ตอนนี้หลังจากถูกปลด ถูกเลิกจ้าง ก็กลับบ้านเกิด กลับไปพัฒนาภาคเกษตรกรรม ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง อยู่มีความสุขกับครอบครัว แบบเดิมที่เป็นครอบครัวใหญ่เหมือนอดีตกาลที่ผ่านมา
ขณะนี้ หลายที่ หลายเมือง เท่าที่ได้ไปสัมผัสมา มีคนวัยทำงานอยู่มากพอสมควร อยู่บ้านทำไร่ ทำนา อยู่ในภาคเกษตรกรรม ได้สอบถามว่าเมื่อก่อนทำอะไร
ทำงานโรงงาน
แล้วตอนนี้ทำไม่ไม่ทำงานโรงงาน เพราะมีรายได้ประจำ
ไม่ไปแล้ว ไม่คุ้ม เดี๋ยวพอออเดอร์ลด ก็ถูกปลดอีก เราอายุมากขึ้นทุกวัน อยู่มาตั้งนานแล้ว หวังจะเป็นที่แน่นอน มีความมั่นคง แต่มันก็ไม่มั่นคง ทำนาดีกว่า
ที่ว่ามันไม่คุ้มนั้น มันไม่คุ้มอย่างไร
ค่าใช้จ่ายมันสูง เช่น ค่าเช่าบ้าน 2700 ต่อเดือน
ค่าน้ำค่าไฟ ประมาณ 800 ต่อเดือน
ค่ารถเข้าออกซอย 40 ต่อวัน
ค่าอาหาร 100 ต่อวัน
ค่าของใช้เบ็ดเตล็ด 1000 ต่อเดือน
รวมๆ ค่าใช้จ่ายในเมืองที่ต้องไปทำงานประมาณ 8700 บาทต่อเดือน แล้วค่าแรง ที่เป็นรายรับเดือนละ 6300 บาท รวมค่าครองชีพอีก 550 เป็นรายรับทั้งสิ้น 6850 บาท จะให้พอกับรายจ่ายก็ต้องทำ ล่วงเวลา ซึ่งทำให้เวลาส่วนตัว เวลากับครอบครัวหายไปบางส่วน แต่ถ้าไม่มีงานล่วงเวลาก็อยู่ไม่ได้ อาจต้องมีการกู้นอกระบบมาใช้ เรื่องจะส่งกลับบ้านนั้นบางทีก็ลืมไปได้เลย
นี่คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนวัยทำงานแล้วเมื่อถูกเลิกจ้าง กลับบ้านเกิดแล้วไม่กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีก
สถานประกอบการหลายแห่งที่ Lay off พนักงานในช่วงที่มีคำสั่งซื้อตกลงไปนั้น หาคนกลับเข้าทำงานเมื่อมีคำสั่งเข้าใหม่ได้ยาก ซึ่งอาจเป็นเพราะ
1. คนส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจในความมั่นคง
2. ปากต่อปากในทางลบ ทำให้ไม่กล้ามาสมัครงาน
3. ขาดแรงจูงใจในสวัสดิการที่เพียงพอ
4. รปภ. ไม่สนับสนุน(บางที่)
เกิดอะไรขึ้นเมื่อพนักงานไม่เพียงพอ
ในตำแหน่งงานต่างๆ ในหน่วยงานที่ยังว่างอยู่เพราะหาคนเข้ามาทำยังไม่ได้ แต่กระบวนการยังต้องดำเนินการอยู่นั้นส่งผลกระทบต่างๆ อย่างมากและกระทบเกือบทุกฝ่ายหรือทุกส่วนงาน
- หัวหน้างาน ต้องเพิ่มการสอนงานที่มากขึ้นกับคนงานที่มีอยู่ และต้องควบคุมทางด้านคุณภาพอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด
- หัวหน้าต้องลงมือทำงานเองด้วย ทำให้งานที่จำเป็นของหัวหน้าขาดหายไป เช่นด้านการบริหารต่างๆ ในกระบวนการ
- พนักงานเครียด เพราะต้องทำงานหลายด้าน เกิดข้อบกพร่องได้ง่าย และอาจถูกตำหนิ ผนวกเข้ากับความอ่อนล้า ร่างกายทรุดโทรม เจ็บป่วยได้ง่าย ไม่อยากไปทำงาน หรืออาจลาออกไปเลยก็ได้
- ผู้บริหารระดับสูง ต้องวางแผนและหามาตรการการแก้ไขเพื่อให้เกิดการผลิตสินค้าที่ทันต่อความต้องการของลูกค้า มิฉะนั้นอาจพลาดโอกาส ทำให้ปิดกิจการไปเลย
- ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจต่อผลผลิต คุณภาพ และการส่งมอบ ของสินค้า
ทางเลือกที่เป็นทางออก
หน่วยงานสรรหาว่าจ้างคงต้องทำงานมากขึ้นเป็น 10 เท่าที่จะต้องหาคนเข้ามาทำงานให้ได้ ในทุกช่องทางเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งอาจหมายถึงการใช้แรงงานต่างด้าวที่รายล้อมประเทศเราอยู่ก็เป็นไปได้ และมีการวางแผนระยะยาวในการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วย ซึ่งเป็นการลงทุนที่มหาศาล เป็นตัวเลือกที่ไม่อยากเลือกแต่ต้องเลือกในที่สุด และเมื่อตัดสินใจแล้ว เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นอีกในคำสั่งซื้อ จะทำอย่างไร ไม่อยากจะคิด
ทั้งหมดอาจเป็นเพียงแค่การตัดสินใจ เลิกจ้าง ในช่วงที่คำสั่งซื้อลดลงเท่านั้น เพราะไม่ได้คิดที่จะใช้โอกาสนั้นพัฒนาบุคลากรของตนเอง ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบหลายอย่างมาก
การที่พนักงานไม่ได้พัฒนา หัวหน้าก็เหมือนขาดการพัฒนาไปด้วย ในทุกๆระดับ ท้ายที่สุดก็เหมือนกบในกะลา ที่คิดเอาเองว่าข้ายิ่งใหญ่ เก่งกล้าที่สุดในโลก เมื่อวันหนึ่งมีใครมาเตะกะลาให้หงายออก ก็จะพบว่า ทำไมเราเล็กและด้อยเหลือเกิน หันมองข้างหลังไม่เห็นใคร เพราะเขาไปกันหมดแล้ว และไปไกลด้วย..
หรืออีกมุมหนึ่ง หันมองข้างหลังเห็นคนอื่นเต็มไปหมด ข้างหน้าไม่มีใครเลย เราคงเป็นอันดับหนึ่งใช่ไหม?...... ไม่ใช่ครับ..... เพราะเราไปผิดทาง !!!!