กล่าวนำ
ได้รับหนังสือแปลเล่มหนึ่ง มาจากเพื่อนที่เคยมีความรู้สึกดีๆให้ต่อกัน ตอนแรกอ่านผ่านๆแล้วก็เอาไปเก็บไว้บนชั้นหนังสือที่บ้านจนเวลาล่วงเลย และผมก็ลืมมันไป ลืมไปพร้อมกับเพื่อนคนนั้นด้วย นี่ก็ผ่านไปปีกว่าๆแล้ว ได้หยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านอีกครั้งอย่างตั้งใจ จึงได้สรุปข้อเท็จจริงบางประการมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมคิดว่าให้ข้อคิดดีได้ดีมากๆสำหรับ คนไทย ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยนี้
กฎสำหรับคนช่วงวัยทำงาน
กฎข้อแรก อย่าเร่งรีบคิดถึงอนาคต โดยเฉพาะตอนที่สภาพจิตไม่ปรกติ จงหาเวลาให้กับตัวเองทุกวัน เพื่อนั่งครุ่นคิดให้ดีๆว่า มีสิ่งใดบ้างที่จะทำให้อนาคตเราเติมเต็มด้วยความสุขอย่างยั่งยืน
กฎข้อที่สอง จงใช้เวลาในช่วงวัยทำงานนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะผู้เริ่มต้น ทั้งนี้เป็นเพราะช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นนี้เราจะอยู่ในสถานภาพพิเศษที่อาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้วในอนาคต และนี่คือจุดที่เราไม่มีอะไรจะต้องสูญเสีย ทุกอย่างที่เป็น คุณค่าแท้ที่เราได้มันมาจะถูกล็อกอยู่ในตัวของเราเอง ถ้าเรามีความฝัน นี่คือช่วงเวลาที่จะไล่ล่าตามหามัน ก่อนที่เราจะไปหาสิ่งที่เป็น คุณค่าเทียม มาใส่ให้กับตัวเรา
กฎข้อที่สาม อย่าคิดว่าทุกคนรู้วิธีทำงานเพียงเพราะว่ามันเป็นงานของเขา และอย่ายอมถูกข่มขวัญด้วยมืออาชีพในชุดเครื่องแบบ เมื่อมีแนวคิดที่เป็นทางแห่งครรลองที่ดีจะต้องลงมือกระทำ ทำจนเป็นกรอบแนวคิดของตนเอง ระหว่างนั้นหากมีอุปสรรคจงคิดเสียว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา อย่ายอมให้มืออาชีพในเครื่องแบบมาหยุดยั้งเราได้ จงยืนหยัดด้วยจุดยืนที่มั่นคงในตัวเรา
กฎข้อที่สี่ จงใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมีศิลปะ คำว่า ความคิดสร้างสรรค์ หมายถึง การยอมให้ตัวเองทำผิดพลาด ส่วนคำว่า ศิลปะ หมายถึง ความรู้ว่าจะเก็บความผิดพลาดชิ้นไหนเอาไว้ เพื่อถามตนเองว่า เรื่องที่เราทำนี้มันยังไม่สมบูรณ์แบบ เราจะลองทำอะไรต่อไป? ถ้าเราจะต้องล้มเหลว ก็จงล้มเหลวอย่างยิ่งใหญ่ มิเช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่มีวันสร้างความแตกต่างได้เลย เพราะในความเป็นจริงนั้นความล้มเหลวเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญกับมัน และสำคัญกับชีวิตเราด้วย ไม่มีใครที่จะหมกมุ่นกับความล้มเหลวของเรามากไปกว่าตัวของเราเอง เราคือคนเดียวที่จะหมกมุ่นอยู่กับความสำคัญของชีวิตเรา สำหรับคนอื่นก็คือ จุดเล็กๆบนจอเรด้าเท่านั้น
กฎข้อที่ห้า ให้ความใส่ใจกับ คำว่า รัก อย่าใช้คำว่ารักจนพร่ำเพื่อ จงฝึกที่จะรักให้เป็น ไม่ใช่เพียงแค่ได้รักเท่านั้น หากเปรียบโลกนี้คือแก้วใบใหญ่ มีก้อนเกลือปนอยู่ในน้ำพอเค็ม หากต้องการให้น้ำในแก้วมีความเค็มลดลง เราจะมีวิธีการอย่างไรได้บ้าง? (ลองตอบในใจก่อนอย่าเพิ่งอ่านย่อหน้าต่อไป)
วิธีการที่พอจะทำได้ก็คือ เอาเกลือออกจากน้ำ ด้วยวิธีการสกัดเกลือ แยกมันออกมา หรือเพียงแค่เติมน้ำลงไปเจือจางความเค็มในแก้วเพื่อให้มันเค็มน้อยลง โดยปกติคนเราจะพยายามกำจัดทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราไม่ชอบ ไม่พึงประสงค์กับมัน แต่ถ้าเราจะไม่เลือกทำแบบนั้น ก็เพียงแต่ต้องเติมความรักให้มากขึ้น ความรักเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยิ่งเราให้มากเท่าใด เราก็จะยิ่งมีมันมากขึ้นเท่านั้น
กล่าวโดยสรุป
เบื้องลึกในจิตใจของคนทุกคนนั้นมีความใฝ่ดีเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จงเอาความรู้สึกดีๆที่เก็บซ่อนเอาไว้ ออกมากระจายไปรอบๆ และหลังจากนั้น อย่าวัดตัวเองด้วยความสำเร็จของเรา แต่จงวัดมันด้วยความสุขของผู้คนรอบตัวเรา ถ้าเราทำแบบนี้ เราจะทำอะไรก็ได้ , ไปที่ไหนก็ได้ , ล้มเหลวเรื่องอะไรก็ได้ และที่ไหนก็ตามที่เราอยู่ เราก็จะพบสิ่งที่ต้องการที่ตรงนั้น เพราะเราจะนำมันติดตัวไปด้วยทุกหนแห่ง ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากความพยายามในการนำสิ่งต่างๆจากภายนอกยัดเยียดเข้าสู่ตัวเรา หากแต่เราต้องยืนหยัดที่จะนำพื้นฐานที่ใฝ่ดีในตัวเราออกมาใช้ให้ได้ต่างหาก เห็นด้วยไหมครับ? ขอให้ใช้ชีวิตในช่วงวัยทำงานอย่างมีคุณค่าและค้นพบความสุขที่ยั่งยืนนะครับ....