ค้นบ่อย
:
หางานบัญชี,
หางานธุรการ,
หางานจัดซื้อ,
หางานผู้จัดการ,
หางานขับรถ,
หางานบุคคล,
หางานคลังสินค้า,
หางานครู,
หางานวิศวกร,
หางานเขียนแบบ,
หางานคีย์ข้อมูล,
หางานการตลาด,
หางานโรงแรม,
หางานสิ่งแวดล้อม,
หางานคอมพิวเตอร์,
หางาน Programmer,
หางานประชาสัมพันธ์,
หางานช่าง,
หางานสถาปนิก |
เรื่อง
นักวางแผนการเงินทำมาหากินอย่างไร ?
เขียนโดย Wonder Man
|
Rated:
by 4 users |
|
|
|
|
ปัจจุบันความรู้ความเข้าใจเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคล (ขอเรียกสั้นๆ ว่าการวางแผนการเงิน) แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจว่านักวางแผนการเงินมีรายได้จากไหนและลักษณะหรือรูปแบบการประกอบวิชาชีพเป็นอย่างไร
อาชีพนักวางแผนการเงินได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลกและเป็นหนึ่งในหลายวิชาชีพที่ทำเงินเป็นจำนวนมาก โดยรูปแบบของรายได้ที่นักวางแผนการเงินได้รับจากการให้คำแนะนำและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้าหรือผู้รับบริการโดยทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็นสองรูปแบบ
รูปแบบที่ 1 รายได้ในรูปของค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมการจัดทำแผน (Advisory fees base) เหมือนกับกรณีของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย โดยจะคิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนชั่วโมงการทำงานหรือให้คำปรึกษาในแต่ละกรณี
นักวางแผนการเงินมีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้า รวมถึงแนะนำในการซื้อตราสาร (ครอบคลุมทั้งตราสารการเงิน การลงทุน และกรมธรรม์ประกัน) ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายเพื่อให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินตามที่ลูกค้าต้องการ และได้รับรายได้ในรูปของค่าธรรมเนียมตามจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดเตรียมแผนการเงิน
นักวางแผนการเงินที่มีรายได้ในรูปแบบนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักวางแผนการเงินที่อยู่ในส่วนของทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะประกอบวิชาชีพในลักษณะของผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่มิได้อิงกับสถาบันการเงิน บริษัทประกันหรือหน่วยธุรกิจใดๆ เป็นการเฉพาะเจาะจง อาศัยรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้คำปรึกษาและการจัดทำแผนการเงินแต่เพียงอย่างเดียว
รูปแบบที่ 2 รายได้ในรูปของค่านายหน้า (Commission fees base) นักวางแผนการเงินจะดำเนินการให้คำแนะนำ คำปรึกษาตลอดจนจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้า โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมจากบริการดังกล่าว แต่รายได้ที่ได้รับจะมาจากส่วนของค่านายหน้าที่ได้รับจากการซื้อตราสารที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการปฏิบัติของแผนเงินที่ได้รับความเห็นชอบของลูกค้าแต่ละราย
นักวางแผนการเงินที่มีรายได้ในรูบแบบนี้โดยส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย เนื่องจากลูกค้าหรือผู้ขอรับคำปรึกษาโดยส่วนใหญ่จะมีมุมมองว่าการให้คำปรึกษาและการจัดทำแผนการเงินเป็นบริการเสริม เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าได้แก่ตราสารต่างๆ นักวางแผนการเงินกลุ่มนี้มักจะเป็นพนักงานของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกัน และมีรายได้ในรูปของเงินเดือนหรือค่าจ้างส่วนหนึ่ง รวมกับค่านายหน้าที่ได้รับจากการขายตราสารที่เกี่ยวข้องของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันดังกล่าว ให้แก่ลูกค้า
สถาบันการเงินหรือหน่วยธุรกิจที่มีสินค้าหรือตราสารครอบคลุมทั้งในส่วนของการเงิน การลงทุนและประกันหรือมีพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดได้จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งนี้คำแนะนำหรือแผนการเงินที่นำไปสู่การซื้อตราสารที่เกี่ยวข้องในบางครั้งอาจนำไปสู่การขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of interest) โดยแนะนำตราสารเฉพาะในส่วนที่สถาบันการเงินหรือหน่วยธุรกิจดังกล่าวมีบริการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม โดยหลักปฏิบัติแผนการเงินจะต้องมีการระบุข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน
รายได้หรือค่าธรรมเนียม ที่นักวางแผนการเงินได้รับในแต่ละรูปแบบที่กล่าวมามีข้อจำกัดที่ต่างกันโดยการคิดค่าธรรมเนียมในรูปของค่าที่ปรึกษา เนื่องจากจำนวนเงินที่นักวางแผนการเงินจะได้รับมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงิน จึงอาจนำมาซึ่งการคิดค่าบริการที่มากเกินจริงตามจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินที่นานเกินความจำเป็น
ในขณะที่การคิดค่าธรรมเนียมในรูปของค่านายหน้าที่ได้จากการขายตราสารอาจนำมาซึ่งคำแนะนำในการซื้อตราสารที่เสนอค่านายหน้าที่สูงกว่า แต่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าได้ในระดับหนึ่งทำให้ลูกค้าไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด
ประเด็นที่น่าพิจารณาต่อมาก็คือ ทำไมวิชาชีพนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งเปรียบเสมือนที่ปรึกษาทางการเงิน จึงไม่สามารถคิดค่าบริการในรูปของค่าที่ปรึกษาเหมือนกับกรณีของวิชาชีพแพทย์ และที่ปรึกษาทางกฎหมายได้
ทั้งนี้อาจเป็นเหตุผลเนื่องมาจาก ความจำเป็นที่จะต้องได้รับบริการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีเจ็บป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อรับการรักษาบรรเทาอาการป่วย เช่นเดียวกับกรณีของที่ปรึกษาทางกฎหมายเมื่อมีคดีความเกิดการฟ้องร้องที่นำมาซึ่งความทุกข์ใจและอาจก่อให้เกิดการเสียทรัพย์
ทั้งสองกรณีดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นคนไข้หรือลูกความมีความจำเป็นที่ต้องพึงพาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อหาทางออกให้พ้นจากความทุกข์ที่กล่าวมาทั้งในรูปของอาการป่วยหรือคดีความที่มี โดยเร็วที่สุด โดยยินดีที่จะจ่ายเงินเป็นการตอบแทนสำหรับคำปรึกษาที่ได้รับ
ในทางตรงกันข้ามกรณีของนักวางแผนการเงินลูกค้าโดยส่วนใหญ่ ไม่ได้มองว่าการวางแผนการเงิน เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน เป็นเพียงแค่ทางเลือก ดังนั้นจึงไม่ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินเท่าที่ควร และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินสำหรับคำปรึกษาและแผนการเงิน
นอกจากนี้ สิ่งที่ลูกค้าได้รับจากวิชาชีพทั้งสองประเภทก็มีความแตกต่างกันในตัวเอง โดยสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากวิชาชีพแพทย์หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของบริการคือ การวินิจฉัยโรค หรือคำปรึกษา คำแนะนำที่นำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
ดังนั้นวิชาชีพทั้งสองจึงจำเป็นที่จะต้องคิดค่าธรรมเนียมจากบริการให้คำวินิจฉัย หรือคำปรึกษาแต่เพียงอย่างเดียว ในขณะที่สิ่งที่ลูกค้าได้รับจากนักวางแผนการเงินจะประกอบด้วยสองส่วนคือบริการคำปรึกษาหรือคำแนะนำที่นำไปสู่แผนการเงินที่เหมาะสม กับสินค้าได้แก่ตราสารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แผนการเงินสมบูรณ์แบบและบรรลุตามเป้าหมายทางการเงินที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งลูกค้าโดยส่วนใหญ่พิจารณาว่าในเมื่อท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อตราสารตามคำแนะนำหรือแผนการเงินที่ร่วมกันจัดทำ จึงอาจไม่ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อค่าบริการคำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าว
ในกรณีของประเทศไทย ผู้ประกอบวิชาชีพนักวางแผนการเงินอยู่ในความสนใจและเป็นที่ต้องการของสถาบันการเงินรวมถึงบริษัทประกันเป็นอย่างมาก โดยนักวางแผนการเงินจะมีรายได้ในรูปของเงินเดือนส่วนหนึ่ง และอาจรวมถึงรายได้ในรูปของค่านายหน้าที่ได้รับจากการขายตราสารที่เกี่ยวข้องตามแผนการเงินของลูกค้าแต่ละราย
สำหรับแนวโน้มในอนาคตการประกอบธุรกิจของนักวางแผนการเงินจะมีความเป็นอิสระจากสถาบันการเงินและบริษัทประกันมากขึ้น โดยอาจจะอยู่ในรูปของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor : IFA) มีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้าโดยไม่คิดค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมการจัดทำแผนการเงิน
รวมถึงนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติโดยลงทุนซื้อตราสารที่เกียวข้องให้แก่ลูกค้า และได้รับค่านายหน้าจากสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันที่เป็นเจ้าของตราสารดังกล่าวเป็นหลัก เนื่องจาก บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระไม่มีสินค้าหรือตราสารเป็นของตนเอง ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องของข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์
แต่ยังอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของแรงจูงใจในการแนะนำให้ซื้อตราสารของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันที่เสนอค่านายหน้าที่สูงกว่า และในระยะยาวเมื่อคนโดยส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินมากขึ้น นักวางแผนการเงินอาจประกอบวิชาชีพโดยได้รับรายได้ในรูปของค่าที่ปรึกษาและการจัดทำแผนการการเงินแต่เพียงอย่างเดียว |
ปัจจุบันความรู้ความเข้าใจเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคล (ขอเรียกสั้นๆ ว่าการวางแผนการเงิน) แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจว่านักวางแผนการเงินมีรายได้จากไหนและลักษณะหรือรูปแบบการประกอบวิชาชีพเป็นอย่างไร
อาชีพนักวางแผนการเงินได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลกและเป็นหนึ่งในหลายวิชาชีพที่ทำเงินเป็นจำนวนมาก โดยรูปแบบของรายได้ที่นักวางแผนการเงินได้รับจากการให้คำแนะนำและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้าหรือผู้รับบริการโดยทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็นสองรูปแบบ
รูปแบบที่ 1 รายได้ในรูปของค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมการจัดทำแผน (Advisory fees base) เหมือนกับกรณีของผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย โดยจะคิดค่าธรรมเนียมตามจำนวนชั่วโมงการทำงานหรือให้คำปรึกษาในแต่ละกรณี
นักวางแผนการเงินมีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้า รวมถึงแนะนำในการซื้อตราสาร (ครอบคลุมทั้งตราสารการเงิน การลงทุน และกรมธรรม์ประกัน) ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละรายเพื่อให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินตามที่ลูกค้าต้องการ และได้รับรายได้ในรูปของค่าธรรมเนียมตามจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดเตรียมแผนการเงิน
นักวางแผนการเงินที่มีรายได้ในรูปแบบนี้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักวางแผนการเงินที่อยู่ในส่วนของทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป เป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะประกอบวิชาชีพในลักษณะของผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบวิชาชีพอิสระที่มิได้อิงกับสถาบันการเงิน บริษัทประกันหรือหน่วยธุรกิจใดๆ เป็นการเฉพาะเจาะจง อาศัยรายได้จากค่าธรรมเนียมการให้คำปรึกษาและการจัดทำแผนการเงินแต่เพียงอย่างเดียว
รูปแบบที่ 2 รายได้ในรูปของค่านายหน้า (Commission fees base) นักวางแผนการเงินจะดำเนินการให้คำแนะนำ คำปรึกษาตลอดจนจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้า โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมจากบริการดังกล่าว แต่รายได้ที่ได้รับจะมาจากส่วนของค่านายหน้าที่ได้รับจากการซื้อตราสารที่เกี่ยวข้องตามแนวทางการปฏิบัติของแผนเงินที่ได้รับความเห็นชอบของลูกค้าแต่ละราย
นักวางแผนการเงินที่มีรายได้ในรูบแบบนี้โดยส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย เนื่องจากลูกค้าหรือผู้ขอรับคำปรึกษาโดยส่วนใหญ่จะมีมุมมองว่าการให้คำปรึกษาและการจัดทำแผนการเงินเป็นบริการเสริม เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าได้แก่ตราสารต่างๆ นักวางแผนการเงินกลุ่มนี้มักจะเป็นพนักงานของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกัน และมีรายได้ในรูปของเงินเดือนหรือค่าจ้างส่วนหนึ่ง รวมกับค่านายหน้าที่ได้รับจากการขายตราสารที่เกี่ยวข้องของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันดังกล่าว ให้แก่ลูกค้า
สถาบันการเงินหรือหน่วยธุรกิจที่มีสินค้าหรือตราสารครอบคลุมทั้งในส่วนของการเงิน การลงทุนและประกันหรือมีพันธมิตรทางธุรกิจที่สามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดได้จะมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งนี้คำแนะนำหรือแผนการเงินที่นำไปสู่การซื้อตราสารที่เกี่ยวข้องในบางครั้งอาจนำไปสู่การขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of interest) โดยแนะนำตราสารเฉพาะในส่วนที่สถาบันการเงินหรือหน่วยธุรกิจดังกล่าวมีบริการเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม โดยหลักปฏิบัติแผนการเงินจะต้องมีการระบุข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจน
รายได้หรือค่าธรรมเนียม ที่นักวางแผนการเงินได้รับในแต่ละรูปแบบที่กล่าวมามีข้อจำกัดที่ต่างกันโดยการคิดค่าธรรมเนียมในรูปของค่าที่ปรึกษา เนื่องจากจำนวนเงินที่นักวางแผนการเงินจะได้รับมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงิน จึงอาจนำมาซึ่งการคิดค่าบริการที่มากเกินจริงตามจำนวนชั่วโมงของการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินที่นานเกินความจำเป็น
ในขณะที่การคิดค่าธรรมเนียมในรูปของค่านายหน้าที่ได้จากการขายตราสารอาจนำมาซึ่งคำแนะนำในการซื้อตราสารที่เสนอค่านายหน้าที่สูงกว่า แต่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของลูกค้าได้ในระดับหนึ่งทำให้ลูกค้าไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด
ประเด็นที่น่าพิจารณาต่อมาก็คือ ทำไมวิชาชีพนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ซึ่งเปรียบเสมือนที่ปรึกษาทางการเงิน จึงไม่สามารถคิดค่าบริการในรูปของค่าที่ปรึกษาเหมือนกับกรณีของวิชาชีพแพทย์ และที่ปรึกษาทางกฎหมายได้
ทั้งนี้อาจเป็นเหตุผลเนื่องมาจาก ความจำเป็นที่จะต้องได้รับบริการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เช่น กรณีเจ็บป่วยมีความจำเป็นที่จะต้องพบแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อรับการรักษาบรรเทาอาการป่วย เช่นเดียวกับกรณีของที่ปรึกษาทางกฎหมายเมื่อมีคดีความเกิดการฟ้องร้องที่นำมาซึ่งความทุกข์ใจและอาจก่อให้เกิดการเสียทรัพย์
ทั้งสองกรณีดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นคนไข้หรือลูกความมีความจำเป็นที่ต้องพึงพาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อหาทางออกให้พ้นจากความทุกข์ที่กล่าวมาทั้งในรูปของอาการป่วยหรือคดีความที่มี โดยเร็วที่สุด โดยยินดีที่จะจ่ายเงินเป็นการตอบแทนสำหรับคำปรึกษาที่ได้รับ
ในทางตรงกันข้ามกรณีของนักวางแผนการเงินลูกค้าโดยส่วนใหญ่ ไม่ได้มองว่าการวางแผนการเงิน เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำอย่างเร่งด่วน เป็นเพียงแค่ทางเลือก ดังนั้นจึงไม่ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินเท่าที่ควร และไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินสำหรับคำปรึกษาและแผนการเงิน
นอกจากนี้ สิ่งที่ลูกค้าได้รับจากวิชาชีพทั้งสองประเภทก็มีความแตกต่างกันในตัวเอง โดยสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากวิชาชีพแพทย์หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของบริการคือ การวินิจฉัยโรค หรือคำปรึกษา คำแนะนำที่นำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
ดังนั้นวิชาชีพทั้งสองจึงจำเป็นที่จะต้องคิดค่าธรรมเนียมจากบริการให้คำวินิจฉัย หรือคำปรึกษาแต่เพียงอย่างเดียว ในขณะที่สิ่งที่ลูกค้าได้รับจากนักวางแผนการเงินจะประกอบด้วยสองส่วนคือบริการคำปรึกษาหรือคำแนะนำที่นำไปสู่แผนการเงินที่เหมาะสม กับสินค้าได้แก่ตราสารที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แผนการเงินสมบูรณ์แบบและบรรลุตามเป้าหมายทางการเงินที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งลูกค้าโดยส่วนใหญ่พิจารณาว่าในเมื่อท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อตราสารตามคำแนะนำหรือแผนการเงินที่ร่วมกันจัดทำ จึงอาจไม่ยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อค่าบริการคำปรึกษาหรือคำแนะนำดังกล่าว
ในกรณีของประเทศไทย ผู้ประกอบวิชาชีพนักวางแผนการเงินอยู่ในความสนใจและเป็นที่ต้องการของสถาบันการเงินรวมถึงบริษัทประกันเป็นอย่างมาก โดยนักวางแผนการเงินจะมีรายได้ในรูปของเงินเดือนส่วนหนึ่ง และอาจรวมถึงรายได้ในรูปของค่านายหน้าที่ได้รับจากการขายตราสารที่เกี่ยวข้องตามแผนการเงินของลูกค้าแต่ละราย
สำหรับแนวโน้มในอนาคตการประกอบธุรกิจของนักวางแผนการเงินจะมีความเป็นอิสระจากสถาบันการเงินและบริษัทประกันมากขึ้น โดยอาจจะอยู่ในรูปของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor : IFA) มีหน้าที่ในการให้คำปรึกษาและจัดทำแผนการเงินให้แก่ลูกค้าโดยไม่คิดค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียมการจัดทำแผนการเงิน
รวมถึงนำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติโดยลงทุนซื้อตราสารที่เกียวข้องให้แก่ลูกค้า และได้รับค่านายหน้าจากสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันที่เป็นเจ้าของตราสารดังกล่าวเป็นหลัก เนื่องจาก บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระไม่มีสินค้าหรือตราสารเป็นของตนเอง ซึ่งจะช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องของข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์
แต่ยังอาจมีข้อจำกัดในเรื่องของแรงจูงใจในการแนะนำให้ซื้อตราสารของสถาบันการเงินหรือบริษัทประกันที่เสนอค่านายหน้าที่สูงกว่า และในระยะยาวเมื่อคนโดยส่วนใหญ่ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินมากขึ้น นักวางแผนการเงินอาจประกอบวิชาชีพโดยได้รับรายได้ในรูปของค่าที่ปรึกษาและการจัดทำแผนการการเงินแต่เพียงอย่างเดียว
|
|
|
|
ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้
...
|
|
|
Knowledge Center |
|
|
knowledge
|
|
|
|
|
|
|
|
|