นักสู้ ม.3
.
ลำนำแห่งชีวิต ของคนสู้ชีวิต
.
วิหคพลัดถิ่นและไมค์ ภิรมย์พร
.
.
วันเวลา ผ่านล่วงไป ในอดีต
ไม่มีสิทธิ์ คิดเสริม หรือเริ่มใหม่
ชีวิตหนึ่ง ระหกเห เซซัดไป
และขาดไร้ ซึ่งความรู้ สู้ชีวี
.
จบม.3 ถามหา ว่าเรียนต่อ
ไม่ย่อท้อ ทิ้งทาง หรือห่างหนี
แต่เคราะห์ซ้ำ กรรมร้าย ไม่รักดี
จึงหยุดที่ ม.ต้น ทนช้ำใจ
.
นกเสรี บินหนี จากกรงทอง
สู่ครรลอง โลกกว้าง ช่างสดใส
ด้วยสองปีก ขยับกาง อย่างมั่นใจ
ฝ่าฝันไป ณ ปลายฟ้า อันท้าทาย
.
เข้าโรงงาน เคร่งครัด หัดเย็บผ้า
เจ็ดปีกว่า ผ่านไป น่าใจหาย
ไร้เงินเก็บ เจือจุน เกื้อหนุนกาย
บ้านต้องเช่า ข้าวเขาขาย ใครแจกฟรี
.
ความรู้น้อย ด้อยราคา ค่าแรงต่ำ
ยิ่งตอกย้ำ เหมือนย่ำใจ ให้หมองศรี
ใบเบิกทาง อย่างพวกเขา เราไม่มี
จึงถูกชี้ แบ่งเช่น เป็นชั้นชน
.
ถูกเหยียดหยาม ประณามว่า สาระพัด
ความอึดอัด จึงก้าวมา หาเหตุผล
สาวโรงงาน หรือสิ้นไร้ ไม่ใช่คน
ถึงแม้จน แต่เพียงกาย น้ำใจรวย
.
เปลี่ยนคำหยาม เย้ยหยัน ให้ฉันสู้
สองมือรู้ หนึ่งสมอง ไม่ต้องสวย
ให้เวลา ถ้าบุญเหลือ เอื้ออำนวย
ประคองด้วย พรแสวง แห่งหัวใจ
.
มุมานะ พากเพียร เฝ้าเรียนรู้
มีหนังสือ เป็นเพียงครู ให้สู้ไหว
นอกบทเรียน ไร้ปริญญา นำพาไป
มีเพียงใจ อันเด็ดเดี่ยว มุ่งเชี่ยวชาญ
.
เพียงกระดาษ ใบนั้น สำคัญหรือ
ฉันมีเพียง สองมือ คือคำขาน
และสั่งสม บ่มวิชา มาช้านาน
จนก้าวผ่าน ถึงวันนี้ ที่หยัดยืน
.
อำลาจาก เครื่องจักร ขอพักผ่อน
แล้วบินจร จากไป อาลัยฝืน
ย้อนอดีต กรีดประวัติ แล้วหยัดยืน
ยิ้มยามตื่น กับวันนี้ อย่างมีชัย
.
ความสามารถ อาจทนง จงตระหนัก
สูตรครูพัก ลักจำ ทำได้ไหม
ฟ้าของฉัน วันนี้ ที่กว้างไกล
คือการได้ เสมอผู้ รู้ปริญญา
.
โปรแกรมเม่อร์ เซอร์สุด วุฒิมอสาม
ฉันบินตาม ดวงใจ ที่ใฝ่หา
ใบเบิกทาง ให้ฉันหรือ คือวิชา
ประกายกล้า แกร่งตั้ง ในสังคม
.
ความทะเยอ ทะยานอยาก จากคำเหยียด
กล่าวสีเสียด เปลี่ยนแรงผลัก ที่หมักหมม
ให้หยัดสู้ กับผู้แกร่ง แห่งสังคม
จากโคลนตม พลิกสู่ดาว พราวฟ้าเอย
.
วิหคพลัดถิ่น
๙ กันยายน ๒๕๕๐
!!! หมายเหตุแห่งลำนำ !!!
.
วันอาทิตย์อีกแล้ว มาอยู่ที่ลานคำ ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่า เข้ามาลานคำ อาทิตย์ละวัน มาพักผ่อน สิงสถิตย์นอนฟังเพลง อ่านบทกลอน บทกวี บทความ บทโศก บทเศร้า บทร้าวราน ฯลฯ ของเพื่อน ๆ ไปเรื่อยเปื่อย ง่วงก็นอน หิวก็กิน [ งานยังมีเหลือค้างอยู่บานเลย ๕๕๕ !!! ]
.
จับไมค์ มาใส่บล็อค ด้วยเพลง "นักสู้ ม.3" เขียนกลอนสะท้อนชีวิตตัวเอง ในอดีตที่หนีออกจากบ้านด้วยติดค้างวุฒิการศึกษาแค่ ม.3 เช่นกัน เคยเล่าไว้แล้ว ไม่อยากเล่าอีก จากบ้านใหญ่โตมโหฬาร จากโรงเรียนชั้นดี [ มันสอนให้ออกมาทำงานสำนักงาน ต่อให้ดีเลิศประเสริฐศรี ใจไม่รักดี ก็ไม่อยากเรียนฟะ ]
.
โบยบินอย่างอิสระเสรี พลัดพรากไปเรื่อยเปื่อย จะดูซิว่า ออกไปอย่างคนไม่มีอะไรติดตัวเลย มันจะอยู่หรือจะตาย ตั้งปณิธานไว้ว่า ไม่ได้ดี จะไม่กลับไปกราบใครให้เสียมือแน่นอน แต่คิดผิดถนัด เมื่อถึงเวลาที่ "ได้ดี" จริง ๆ กลับไปก็ไม่มีใครให้กราบเท้าแล้ว ....
.
ฉันไม่ใช่คนสู้ชีวิตหรอก ฉันท้อแท้บ่อยจะตายไป แต่สิ่งแวดล้อม และสัญชาติญาณของการอยู่รอด มันค่อย ๆ สอนฉันไปทีละน้อย ให้ฉันต้องรู้จักที่จะ "อยู่ให้ได้" เพียงลำพัง ไม่ต้องพึ่งลำแข้งลำขาของใคร อยากมีชีวิตอยู่ ก็ต้องสู้ สู้ทั้งที่ไม่มีอะไร สู้มือเปล่า สู้กับโชคชะตา ถ้าไม่คิดจะสู้ ก็น่าจะไปเกิดใหม่ หรือไม่ ก็ไปตายซะ
.
จะว่ากันแล้ว ไมค์ ภิรมย์พร ก็เป็นนักสู้ชีวิตคนหนึ่งที่ฉันชื่นชมในเส้นทางการดำเนินชีวิต ไม่แพ้ ต่าย อรทัยเลยนะ รู้จักชีวิตไมค์ แล้วต้องอึ้งไปหลายตลบ เขาเป็นคนจังหวัดอุดร ฯ มีชื่อจริงว่า "พรภิรมย์ พินทะปะกัง" เรียนจบแค่ ป.6 ที่ อ.กุมภวาปี ก็เป็นเด็กชนบททั่ว ๆ ไป หาปูหาปลาไปตามเรื่องตามราวอย่างที่เห็น ๆ กันน่ะค่ะ
.
.
แต่ต่อมาเมื่อคิดอยากจะมีความรู้กับเขาบ้าง ก็เลยไปสมัครเรียนการเขียนลายไทย หลักสูตรระยะสั้นที่ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร แต่ก็ไม่ได้ใช้ทำมาหากินเพราะประสบการณ์มีไม่ถึง แล้วที่บ้านก็ทำนา เลยไม่เอื้ออำนวยให้ไปนั่งเขียนลายไทยได้ เลยต้องจากนาไปขายแรง ทำทุกอย่าง กรรมกร ก็เป็น เข็นรถขายส้มตำก็ทำมาแล้ว
.
.
เข้ากรุงเทพ อย่างไม่รู้ชะตาชีวิตตัวเอง ไม่รู้เลยว่าจะไปกินนอนและจะไปทำงานอะไร ลงรถที่หมอชิต ก็เดินคิดไปตามสวนจตุจักร เห็นฟองน้ำเบาะรถยนต์เก่า ๆ ขาด ๆ ที่กองขยะก็เก็บเอามาปัดฝุ่น เป็นหมอนหนุนใต้ร่มไม้ จนได้เข้าไปทำงานร้านอาหาร และได้ลองจับไมค์ร้องเพลงนั่นแหละทำให้ได้มีโอกาสพบคนในวงการชวนไปร้องเพลงโฆษณา จนมาเป็นไมค์ทุกวันนี้
.
.
ฉันนั่งอ่านประวัติไมค์ มีข้อคิดที่ดีอย่างหนึ่งที่อยากจะให้เพื่อน ๆ ได้เก็บไปคิดกันบ้าง ที่ไมค์ได้บอกไว้ว่า....เขาเคยท้อหลายครั้งหลายหน แต่ ท้อ แต่อย่าถอย หากมัวแต่อาลัยอาวรณ์ ถอดถอนหัวใจร่ำไห้กับอดีตแล้ว จะก้าวเท้าไปข้างหน้าได้อย่างไร ชีวิตก็ต้องดำเนินไปด้วยการแสวงหา" ....
.
จริงอยู่ที่ว่าใบปริญญา อาจเป็นแค่กระดาษใบหนึ่ง เมื่อเทียบกับประสบการณ์ ปริญญาอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่ากับคนที่สั่งสมประสบการณ์มากค่อนชีวิต แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ใบปริญญาเป็นใบเบิกทาง ทางสังคมใช้ไหมคะ
.
ชีวิตการต่อสู้ของฉันกับไมค์ เดินทางมาคล้าย ๆ กัน อยากรู้ว่าฉันต่อสู้มาอย่างไร จากวุฒิแค่ ม.3 เข้าโรงงานเย็บผ้าหาเลี้ยงตัว จนก้าวมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายไอทีให้กับบริษัทบรอดแบนด์แห่งหนึ่ง ก็เข้าไปดูที่หัวข้อ "รำพึง รำพันผ่าน สัญญากับใจ" หรือที่ลิ้งค์นี้เลย