หากได้ศึกษาเรื่องอุทกภัยในแผ่นดินสยามแล้วจะเข้าใจเรื่องสภาพภูมิประเทศปลายแหลมทองได้ดี เพราะแผ่นดินนี้อยู่ริมอ่าวไทย อันได้ชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรการเกษตร ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ดังนั้นวิถีชีวิตของคนไทยจึงไม่ทุกข์ร้อนนักกับการกินอยู่หลับนอน ดินแดนนี้เรียกว่าสุวรรณภูมิ ผู้ที่เรียนเรื่องโบราณคดีจะภาคภูมิใจที่แผ่นดินไทยนั้นเป็นมรดกที่คนรุ่นปู่ย่าตายายได้ทำไว้ให้ การต่อสู้เพื่อรักษาถิ่นทำมาหากินได้ต่อสู้ปักหลักไว้ให้เป็นอย่างดี ทรัพยากรของแผ่นดินมีค่าอนันต์จนอาจกล่าวได้ว่าสามารถเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกก็ว่าได้ แม่น้ำที่ไหลจากภูขาหิมาลัยมาลงที่แม่โขง ส่วนแม่น้ำทางเหนือและตะวันตกที่ไหลมารวมเป็นเจ้าพระยาที่ปากน้ำโพ นครสวรรค์ เฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และอีสานก็อุดมสมบูรณ์ เหมาะเป็นประเทศกสิกรรมยิ่งนัก ส่วนภาคใต้และตะวันออกนั้นแม้ว่าจะไม่มีแม่น้ำโขง สาละวิน เจ้าพระยา แต่ก็มีภูเขา ป่าไม้ ทะเลอ่าวไทย มีการประมงที่ยิ่งใหญ่ของอาเซียน เพราะอ่าวไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารจากแผ่นดินที่ไหลไปรวมกันจากปากน้ำหลายสายที่ให้น้ำท่าและดินอุดม มีแร่ธาตุที่หายาก เมื่อประเทศมหาอำนาจเข้ามาค้าขายในแผ่นดินสยามจึงคิดยึดเอาทรัพยากรไปเป็นของเขา ดังประวัติศาสตร์ได้ให้พวกเราเรียนรู้มาตลอดตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยามาจนถึงรัตนโกสินทร์ร่วม 600 ปีที่ผ่านมา
การทำมาหากินบนผืนแผ่นดินสุวรรณภูมิที่เรามีเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว เขมร ญวน มาลายู อินโดนีเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ ที่รวมตัวเรียกว่าอาเซียนนั้น ก็ถือได้ว่าทำมาค้าขายกันเองก็พอเพียงแล้ว สินค้าการเกษตรหลายอย่างเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกต้องการเป็นอันดับหนึ่ง อย่างข้าว ยางพารา และแร่ธาตุต่างๆ จนคิดทะลุกันว่าหากเอเชียจะมีเงินตราของเอเชียเองไม่ต้องพึ่งยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็ยังได้ ทำไมไม่ทำเอเชียฟอร์เอเชีย
แต่เพราะโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงอาเซียน ยังมีสหภาพยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางอีก ทำให้เราต้องแลกเปลี่ยนสินค้าและอยู่ในประชาคมโลกที่การปกครองแบ่งออกเป็นสองขั้วคือ สังคมนิยม และเสรีนิยมหรือประชาธิปไตย
สงครามแย่งชิงทรัพยากรมีมาแต่ดึกดำบรรพ์ เรือโจรสลัดที่ปล้น ทรัพย์สินของกินและเครื่องใช้ไม้สอยจนต้องมีกองเรือติดอาวุธของมหา อำนาจที่คุ้มครองเรือพาณิชย์คือต้นกำเนิดการแผ่อำนาจปกครองโลก มีทั้งยับยั้งโจรและการเอาเข้าเป็นพวก ถึงขนาดกลืนประเทศด้วยยุทธวิธีทางทหารและการเมืองปนการพาณิชย์ที่สมัยใหม่ยุคดิจิตอลก็ยังเรียนกันไม่รู้จบ
นำร่องด้วยธรรมชาติการทำมาหากินของคนในอาเซียนที่ผูกพันกับคนทั่วโลก จะเห็นจุดร่วมคือการแสวงหาทรัพยากรไปป้อนประเทศของตน เองของมหาอำนาจ และการทำมาค้าขายแลกเปลี่ยนที่ต้องมีการสื่อสารให้คนที่ตนติดต่อนั้นสามารถเข้าใจ ถ่ายทอดแนวคิดและอุดมการณ์ต่างๆ คล้อยตามกันไปด้วย
ฝรั่งตาน้ำข้าวเรามักบอกเล่ามาแต่โบราณว่าเขามาจากดินแดนที่ศิวิไลซ์แล้ว มีมหาวิทยาลัยอายุนับพันปี ในขณะที่ของเราเพียงร้อยปีอารยธรรมต่างๆ ไหลจากตะวันตกมาตะวันออก จีน อินเดียมหาอำนาจทางตะวันออกยังไม่สามารถขัดขวางได้ แม้ว่าเปรียบเทียบแล้วของตะวันออกบางอย่างมีอารยะสูงกว่าตะวันตกก็มี
เพราะเอเชียเป็นประเทศเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่ ไทยมีความผูกพันกับคนผิวเหลืองจึงภักดีและรักวัฒนธรรมประเพณีของตนเอง ดำเนินวิถีชีวิตเป็นเกษตรกรสืบทอดกันมาและมีศาสนาส่วนใหญ่คือพุทธ พราหมณ์ อิสลาม ฮินดู ที่เริ่มต้นมาจากอินเดียและตะวันออกกลางก่อนคริสต์เสียอีก
เมื่อมหาอำนาจตะวันตกยึดเพื่อนบ้านของไทยในอาเซียนไปเป็นเมืองขึ้น เขานำทรัพยากรไปปรนเปรอคนของเขาและเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมือนคนของเขา ดังเราจะเห็นจากถาวรวัตถุสิ่งก่อสร้างทางสถาปัตยกรรมต่างๆ การทำมาหากินต่างๆ ก็ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับของเขา ยังดีที่บางประเทศยังอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นมรดกทางเอกลักษณ์ของชาติตนอยู่บ้าง
เนื่องจากตะวันตกเป็นประเทศอุตสาหกรรม (ที่ผ่านการเกษตรมา ก่อนแล้ว) ผลิตสินค้าทางดัดแปลงที่ใช้สติปัญญาคิดทำได้ปริมาณมากและ ค้าขายไปทั่วโลกเพื่อความร่ำรวยของตนเอง และใช้วัตถุที่ผลิตได้เปลี่ยน แปลงวิถีชีวิตประเทศราชของตนตามไปด้วย ร่วมกับวิถีทางวัฒนธรรมที่กล่าวอ้างว่าแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่ส่วนใหญ่คือการกลืนผสมกลมเกลียวผ่าเหล่าไปเกือบไม่เห็นซากเดิม
กล่าวโดยสรุปว่า อารยธรรมตะวันตกแผ่มาตะวันออกเป็นดาบสองคมที่เปลี่ยนวิถีชีวิตคนอาเซียนไปไม่ใช่น้อยหากย้อนดูจากสงครามโลกสองครั้งที่ผ่านมา เพราะสงครามโลกคือหลักไมล์ที่อนุมานได้ว่าความร่วมมือสร้างขั้วการปกครองทางการเมืองที่ส่งผลเกี่ยวกับการเข้าพวก สู้รบกันกับข้าศึกที่ประเทศไหนเป็นศัตรูต้องฆ่าและทำลายให้ได้ชัยชนะ และจบลงที่ประเทศที่แพ้สงครามคือเชลยศึกต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ชนะ
เรามักทึกทักเอาว่าความเจริญทางวัตถุนั้นคืออารยธรรม แท้จริงหาถูกต้องเสียทีเดียวไม่ เพราะวัตถุกับจิตใจเป็นเรื่องคู่ขนานกัน หากสามารถนำมาผสมผสานกันจะได้ในบางส่วนของบริบททางสังคม ยกตัวอย่างการปกครองที่เอเชียส่วนใหญ่ใช้ระบบกษัตริย์ (เหมือนตะวันตกในยุคแรกๆ แล้ว เปลี่ยนไปเพราะประเทศกลายเป็นอุตสาหกรรมในเวลาต่อมา) การปกครองคือการกำหนดให้มีคณะบริหารประเทศ ปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงานให้สนองตอบต่อการดำเนินชีวิตที่จะป้อนทรัพยากรแก่ประเทศที่เจริญกว่า ที่ต้องใช้ปัจจัยต่างๆ นำไปผลิตสินค้าและบริการ
ไม่น่าประหลาดใจที่การศึกษาในอาเซียน ประเทศเกษตรจะปรับเปลี่ยนการผลิตทรัพยากรบุคคลให้สนองตอบต่อส่วนต่างๆ ในสังคมที่นำไปสู่การป้อนสินค้าให้ประเทศต้นแบบนำไปแสวงหากำไรเพื่อความมั่งคั่งของตนเองและประชาคมของพวกตน
คงจำกันได้ว่าญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สองเมื่อ 60 ปีเศษมาแล้ว ต้องชดใช้หนี้แก่สหรัฐอเมริกายังไม่หมด ประเทศไทยที่เคยร่วมรบกับญี่ปุ่นแต่มีเสรีไทยเกิดขึ้น โดยอังกฤษและสหรัฐอเมริกาอุปถัมภ์จึงทำให้ไทยชนะไปด้วย อานิสงส์นี้ทำให้ไทยส่งดินแดนลาว เขมร และมาลายูแก่ฝรั่งเศสและอังกฤษที่ญี่ปุ่นช่วยเอาคืนให้ในบางส่วนก่อนหน้า พิษสงของมหาอำนาจที่ไทยรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ก็เพราะผู้บริหารของเราสามารถดำเนินการวิเทโศบายการต่างประเทศเก่งจนมีศัพท์เรียกทางการทูตว่าไซมีสทอล์ก เพราะเราเอาตัวรอดอย่างเป็นไทสมชื่อจริง
วิถีชีวิตและวิธีเปลี่ยนแปลงคนทำมาหากินในแผ่นดิน จึงมีการนำเข้าขององค์ความรู้ เริ่มแต่ข้อปฏิบัติ การฝึกอบรมการศึกษาของเด็ก เยาว ชน แม่บ้าน พระสงฆ์ ผู้นำชุมชน การหลั่งไหลของแรงงานเพื่อนบ้านที่มีรายได้น้อยเข้ามาทำมาหากินในบ้านเรา ซึ่งทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าแรงงานคนไทยมีน้อยลง ส่วนใหญ่คือต่างด้าว ทั้งแรงงานสมองและแรงงานกาย ที่ใช้สมองน้อย ต่างด้าวที่มีสติปัญญาสูงถูกนำเข้ามาควบคุมโรงงานอุตสาห กรรมขนาดใหญ่ การป้อนบัณฑิตให้ไปเป็นลูกน้องต่างด้าวที่มีสติปัญญาสูง (ทางเทคโนโลยี) เพื่อสนองตอบต่ออุตสาหกรรมที่เราเรียกว่ามีแผนพัฒนามาแต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง
เราคงไม่มาโทษกันว่าเพราะตะวันตกเข้ามาทำมาหากินเปิดเสรีให้ค้าขาย เพื่อให้คนไทยมีกินมีใช้ ร่ำรวยยิ่งขึ้น แรงงานฝีมือไทยไปทำมาหากินในประเทศที่ร่ำรวยกว่าส่งเงินทองกลับมาให้ทางบ้าน ไปเสียนามาเสียเมียยังพูดกันอยู่ สตรีคนอีสานที่ยากจนยินดีแต่งงานกับต่างด้าววัยเกษียณมาอยู่กินกันเพราะเขาพอใจที่คนไทยปรนนิบัติเก่งและไม่รำคาญผัวแก่ มีลูกครึ่งที่ไม่ต่างกับสมัยสงครามเวียดนามที่จีไอมามีเมียเช่าที่ตาคลี พัทยา อุดรธานี ซึ่งคนรุ่นนั้นปัจจุบันคือผู้ใหญ่อายุ 40-50 ปีแล้ว ลูกครึ่งอเมริเซียน เริ่มแล้วจะมีลูกครึ่งของคนทั่วโลกมาอยู่ในประเทศมากขึ้นอีก ความเป็นอยู่ แนวคิดก็จะเปลี่ยนไปตามวันเวลาที่เปลี่ยนแปลงไม่จบสิ้น อัตลักษณ์ เอกลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรมไทยก็ควรจะอนุรักษ์ได้ยากขึ้น เพราะการถาโถมของตะวันตกผ่านสื่อสารมวลชนและสื่อสังคมยุคใหม่รวดเร็วมากและไม่สามารถยับยั้งได้ แม้กระทั่งความคิดของปัจเจกบุคคล
วิถีชีวิต วิธีคิด วิธีทำมาหากินย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามผู้บริหารประเทศ ที่เริ่มจากยืมจมูกมหาอำนาจมาดำเนินการ เงินคือปัจจัยที่ต้องใช้งบประมาณที่สนองตอบต่อการพัฒนาประเทศ เราจึงเห็นคำว่าพัฒนาเกิดขึ้น ตัดถนนเข้าไปในป่าเพื่อการขนส่ง อย่างระยะหนึ่งคือถนนมิตรภาพที่สหรัฐอเมริกาสร้างให้จากสระบุรีไปถึงโคราช อีกสายคือจากหล่มสักไปพิษณุโลก เพื่อใช้ขนส่งทางยุทธศาสตร์ยับยั้งคอมมิวนิสต์สายจีนและรัสเซีย ไทยได้ใช้ขนส่งคมนาคมตามไปด้วย เมื่อสงครามเวียดนามเราได้สนามบินอู่ตะเภาและเส้นทางลำเลียงอาวุธไปรบกับเพื่อนบ้าน ตัวอย่างเรื่องคมนาคมที่สะท้อนให้เห็นเส้นทางการทำมาหากินสองข้างทางคือการเกษตรที่ต้องใช้น้ำและที่ดิน เขื่อนเก็บกักน้ำ การจับจองที่ดินทำกิน และการบุกรุกป่าสงวน การแสวงหาความสุขของชนชั้นบางระดับที่อยากได้รีสอร์ตประดับตนเองและพรรคพวก เกิดโรงแรม สนามกอล์ฟ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดต่างๆ ทั้งอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมจักรกลต่างๆ แย่งพื้นที่กับเกษตรกรตัวจริง ชาวบ้านหักร้างถางพงมากขึ้นทำลายป่าและต้นน้ำลำธารมากขึ้น แม้แต่เรือกสวนไร่นาก็พลอยถูกนำไปพัฒนาเป็นโรงงานและที่อยู่อาศัยไม่มีวันหยุดยั้งได้เช่นกัน
เหลียวมองภูเขาในบ้านเรา ทรัพยากรธรรมชาติที่ลดลงตามลำดับ เพราะตัดไม้ทำลายป่า ชาวบ้านทำผลผลิตการเกษตรป้อนเกษตรอุตสาห กรรมมากขึ้น นายทุนเล่นหุ้น ทำอุตสาหกรรมมากขึ้น ในที่สุดสมดุลทางธรรมชาติก็ถึงจุดมีปัญหา สิ่งแวดล้อมต่างๆ แปรปรวนเพราะประเทศที่เจริญแล้วมาตั้งโรงงานในบ้านเรา ที่เปิดโอกาสให้มาลงทุนโดยมีข้อจำกัด เรื่องความปลอดภัยทางมลพิษหละหลวม ดังจะเห็นได้จากเขตนิคมอุตสาห กรรมทุกภาคที่รัฐควบคุมเกิดปัญหาทางสิทธิมนุษยชนต้องฟ้องร้องกันวุ่นวาย และข้อพิพาทของนายทุนที่มองชนชั้นแรงงานและเกษตรกรรอบโรงงานว่าทำลายวงจรเศรษฐกิจของประเทศเสียหาย แต่ไม่ได้มองว่าชีวิตคนนั้นสำคัญกว่า โรงงานสามารถเพิ่มต้นทุนการรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ แต่มักทุจริตด้วยการไม่ทำตามกฎระเบียบเพียงเพื่อต้องการผลกำไรสูงและดูถูกคนรอบโรงงานว่าไม่รู้เท่าทัน ปัญหานี้มีผลกระทบในส่วนที่เกี่ยวข้องอีกมหาศาล เช่น ที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกของคนในโรงงาน การขนส่ง ที่พักผ่อนหย่อนใจ มลพิษทางแสงสีเสียง เป็นพลวัตที่กินลึกเป็นเหมือนด้ายพันกันจนแก้ได้ยาก เพราะนักการเมือง นักลงทุนไม่สำเหนียกมาแต่แรก และที่น่ารังเกียจคือคิดได้อย่างไรที่ทำให้เกิดช่องว่างทางสังคมเศรษฐกิจ เกี่ยวกับสถานภาพทางสังคมของคนมี-คนจนถ่างจนน่าตกใจ เกิดชนชั้นทางสังคม ผลกระทบนี้มีไปถึงการจัดตั้งกลุ่มการเมืองที่ทนระบบนายทุนต่อไปไม่ได้จึงเกิดขึ้น เพราะคนจนมองสายส่งไฟฟ้าที่ป้อนเข้าเมือง แต่ชนบทยังจุดตะเกียงน้ำมันใช้ ใช้ถนนฝุ่นและหล่มโคลน ในขณะที่ในเมืองใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนสะดวกสบาย อย่าพูดว่าคนจนจ่ายภาษีน้อยหรือไม่ได้จ่าย แต่คนรวยจ่ายเจือจานไปแล้วเลย สิ่งนี้รัฐต้องชดเชยให้ได้ก่อนที่จะเกิดกลุ่มการเมืองที่คิดรุนแรงขึ้น
นั่นคือผลที่มาจากการวางแผนพัฒนาไม่รัดกุมหรือมาจากความละโมบลดต้นทุน และซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือการมักง่าย ทำลายสมดุลทางธรรมชาติ อันเป็นผลที่เกิดน้ำท่วมในยุคดิจิตอลนี้ ทั้งๆ ที่เรามีแผนที่ดาวเทียม มีสถิติ มีการเตือนภัยที่ใช้งบประมาณมหาศาลพร้อมที่จะบอกเล่าเก้าสิบได้ล่วงหน้า
ประเด็นที่ฝากให้คิดคือธรรมชาติเสียดุล โลกร้อนขึ้นเพราะมลพิษทางอุตสาหกรรม แก้ได้คือป้องกันให้มากขึ้น ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายลดลงอันเนื่องมาจากหลังคาโลกมีรูโหว่เพราะภาวะเรือนกระจก ต่างเชื่อว่ามีความพยายามทำกันอยู่ แต่บางประเทศกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเพราะขาดจิตสำนึกทางสังคมที่ดี การทำการเกษตรอุตสาหกรรมต้องวางแผนรัดกุม เขตใดใช้พื้นที่และทรัพยากรน้ำ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์ การขนส่ง โรงงานและองค์ประกอบอื่นๆ ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทวีคูณ วิถีชีวิตของคนในเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมต่างๆ ค วรเคารพกฎหมายมากขึ้น โดยเพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักการเมืองควรตระหนักเรื่องกฎระเบียบการทำให้เสียดุลทางธรรมชาติ อาทิ การก่อสร้างกีดขวางทางน้ำไหล การแย่งใช้น้ำ การตัดไม้ทำลายป่า การสร้างถนนที่กีดขวางทางน้ำ เป็นต้น
สิ่งสำคัญสูงสุดคือรู้แล้วว่าธรรมชาติเอาคืนที่ไปรังแกเขาก่อน จำ เป็นต้องศึกษาทุกภาคส่วนพร้อมกัน เมื่อจะลงมือทำสิ่งใดกับธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ ล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมที่ต้องตระหนักสูงสุด จะสร้างโรงงาน ตัดถนนต้องใช้ประชาคมหรือคนที่เกี่ยวข้องเห็นพ้อง ทำประชาพิจารณ์ มีวิธีคิดและป้องกันแก้ไข ไม่ให้เกิดจุดบอดอย่างที่ผ่านมาและเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก เสียงบประมาณทุกปี ทั้งๆ ที่สามารถป้องกันได้บ้าง
การแก้ไขนั้นแน่นอนแพงกว่าและเป็นจุดบอดอีกอันหนึ่งที่จะเกิดการคอรัปชั่นมหาศาลตามมาในงบประมาณที่จ่ายแล้วไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะมีคนกินหัวคิว โดยเฉพาะที่พูดกันมากว่าเจ้าพนักงานของรัฐกินหัวคิวและร่วมมือกับนักการเมือง ไล่ตั้งแต่รัฐบาลไปจนถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอมจนไอติมเหลือติดไม้นิดเดียวก่อนจะถึงประชาชนอย่างแท้จริง
กล่าวมาแต่แรกจนมาถึงบทสรุปว่า น้ำท่วมครั้งนี้รุนแรงเพราะโลกร้อน ธรรมชาติแปรปรวนที่เราไม่สามารถห้ามได้หรือป้องกันได้ เพราะประเทศทั่วโลกต่างรังแกธรรมชาติพร้อมกันจนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำที่ไหลมาจะไปทางไหน เพราะสสารไม่หายไปจากโลก ทางแก้ไขในประเทศคือควบคุมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้รัดกุมขึ้น เพราะดินน้ำลมไฟนั้นสามารถควบคุมได้หากรัฐไม่อยากให้น้ำท่วมอีก เศรษฐกิจมวลรวมเสียหายยับเยินเพราะรัฐเองเป็นคนทำให้กฎหมายหละหลวม รังแกธรรมชาติ ข้าราชการ นักการเมืองอนุญาตให้ก่อสร้างได้โดยไม่ควบคุมสภาพแวด ล้อม เมื่อสิ่งแวดล้อมที่มีธรรมชาติเป็นของตนเองไม่สมดุล ถึงเวลามันก็จะแผลงฤทธิ์เพราะไปปิดกั้นเขาก่อน
การให้การศึกษาดูจะเป็นพระเอกมาแล้วกว่า 50 ปี เราพูดถึงขยะ ตัดไม้ทำลายป่า ขุดคูคลอง ทางระบายน้ำ ดูดน้ำใต้บาดาล แผ่นดินทรุด มลพิษทางสิ่งแวดล้อมทัศนะอุจาด สารพัดจะพูดจะเผยแพร่ แต่นายทุนเอาแต่ประโยชน์เข้ากระเป๋าตนเองและพรรคพวก ทำให้ธรรมชาติเอาคืนในที่สุด
การสื่อสารมวลชนต้องแบ่งพื้นที่เวลาให้แก่องค์ความรู้สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ก่อนที่จะมีประวัติซ้ำรอยดังเช่นปีนี้อีก แผลเป็นครั้งนี้รุนแรงยิ่งนัก อีกหลายปีกว่าจะฟื้นตัว ใครที่กอบโกยไปมากแล้วขอให้ชดเชยจ่ายคืนแก่ราษฎรด้วย อย่าละโมบ ตายไปแล้วก็เอาไม่ได้ แต่ลูกหลานจะแช่งชักหักกระดูกไปอีกหลายชั่วคน
ต่อให้ช่วยกันบริจาคอย่างไรก็เป็นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม ต้องทำให้เป็นการถาวรยั่งยืนคือ การตระหนักในคุณค่าสิ่งแวดล้อมที่ก่อนทำต้องรู้จักคิด และรัฐบาลต้องจริงจังกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การทำมาหากินที่ไม่ละเมิดกฎหมาย เรื่องน้ำท่วมที่ก่อมหันตภัยก็จะทุเลาลง และมีน้อยลงจนสามารถควบคุมได้ในที่สุด เพราะสติปัญญาของคนไทยเราเองมิใช่หรือ?.