ค้นบ่อย
:
หางานบัญชี,
หางานธุรการ,
หางานจัดซื้อ,
หางานผู้จัดการ,
หางานขับรถ,
หางานบุคคล,
หางานคลังสินค้า,
หางานครู,
หางานวิศวกร,
หางานเขียนแบบ,
หางานคีย์ข้อมูล,
หางานการตลาด,
หางานโรงแรม,
หางานสิ่งแวดล้อม,
หางานคอมพิวเตอร์,
หางาน Programmer,
หางานประชาสัมพันธ์,
หางานช่าง,
หางานสถาปนิก |
เรื่อง
บทความพิเศษ " เก็บตกการปฏิรูประบบราชการของกระทรวงสาธารณสุขในความเห็นหมออนามัย "
เขียนโดย Wonder Man
|
Rated:
by 0 users |
|
|
|
|
กองบ.ก.วารสารหมออนามัยมีความตั้งใจที่จะติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องการปฏิรูประบบราชการนำเสนอในเวทีแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้เกิดการระดมความคิดเห็นในวงกว้างโดยให้หมออนามัยมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในการปฏิรูปฯ บทความต่อไปนี้เป็นการรวบรวมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปฏิรูประบบราชการทั้งจากการประชุม สัมมนา ของกระทรวงสาธารณสุข และเวทีย่อยอื่นๆ ดังนี้
1. ให้มีการทดลองโอนสถานีอนามัยให้ อบต.ดูแลจังหวัดละ 1 แห่ง โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดไปสำรวจความพร้อมของงบประมาณและความเข้มแข็งในการบริหารจัดการระดับพื้นที่
2. ลดอัตรากำลังคนโดยยุบอัตราเกษียณเหลือร้อยละ 20 โครงการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตโดยการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดและลดการผลิตกำลังคนเหลือร้อยละ 25 เมื่อสิ้นแผนฯ 8
3. ปรับเปลี่ยนระบบบริหารงบประมาณจากระบบ PPBS ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็น Block Grant (เงินอุดหนุนเป็นก้อน) โดยในปีงบประมาณ 2544 ดำเนินการนำร่องในโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ทั่วประเทศ 92 แห่ง ปีงบประมาณ 2545 ดำเนินการเขตละ 1 จังหวัด และ ปีงบประมาณ 2546 ดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศ
4. ให้หน่วยงานจัดสรรทรัพยากรไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 ของงบประมาณหมวดเงินเดือนค่าจ้างประจำในการพัฒนาบุคลากรโดยเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 วันต่อคนต่อปี
5. สนับสนุนการสร้างผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ( Health Journalist ) ในสื่อแขนงต่างๆ
ประเด็นหนึ่ง ที่มีการกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวาง คือ เรื่องการโอนสถานีอนามัยไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งได้แก่ เทศบาลและ อบต. นายแพทย์ชาตรี สุเมธวานิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า จะให้มีการทดลองโอนสถานีอนามัยให้ อบต.ดูแลจังหวัดละ 1 แห่ง คำถามที่น่าคิดคือ ระหว่างการ "ทดลองโอน" กับ "โอนจริง" นั้นต่างกันอย่างไรบ้าง ทั้งในเรื่องสายการบังคับบัญชา การสนับสนุนทรัพยากร เพราะปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการโอนจริงคงไม่อาจควบคุมให้อยู่ในสภาพที่เหมือนการทดลองโอนได้ ดังนั้นข้อสรุปจากการ " ทดลองโอน " คงนำไปใช้กับการ "โอนจริง" ได้ในบางกรณีเท่านั้น
ข้อเสนอการเพิ่มกระบวนการมีส่วนร่วม
การจัดเวทีเพื่อระดมความคิดเห็นในการปฏิรูประบบราชการของกระทรวงสาธารณสุขคงไม่เพียงพอที่จะเป็นข้อสรุปหรือตัวแทนของสมาชิกของข้าราชการสาธารณสุขทั้งหมดได้ กอง บ.ก.ได้รับข้อมูลจากเพื่อนข้าราชการสาธารณสุขในส่วนภูมิภาคจำนวนหนึ่งว่า ขณะนี้ส่วนภูมิภาคไม่ค่อยจะทราบข้อมูลข่าวสารความเป็นไปของการปฏิรูประบบราชการกระทรวงสาธารณสุข ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขควรมีการคิดเรื่องปฏิรูปในภาพรวมทั้งหมด แล้วร่างแนวทางออกมาเป็นพระราชบัญญัติปฏิรูปการสาธารณสุขแห่งชาติ เพราะมีหลายเรื่องที่จะต้องไปแก้กฎหมายเดิม จึงไม่อาจแก้โดยฝ่ายบริหารฯ ตามลำพัง (จำเป็นต้องออกพระราชบัญญัติ) หลังจากนั้นนำแนวทางไปทำประชาพิจารณ์ในวงกว้างต่อบุคลากรสาธารณสุขและประชาชน
ข้อเสนอแนวทางในการปฏิรูป
1. จัดองค์กรสาธารณสุขในระดับชาติ เพื่อทำหน้าที่ดูแลการปฏิรูปในภาพรวม เพื่อประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรของประเทศ องค์กรที่ว่าได้แก่ สภาการสาธารณสุขแห่งชาติ
2.จัดกลุ่มวิชาชีพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัญหา เนื่องจากในปัจจุบันมีการจัดกลุ่มวิชาชีพหลายกลุ่ม แต่ละวิชาชีพต่างมีกฎหมายวิชาชีพเป็นของตัวเอง ในขณะที่หมออนามัยมีนายแพทย์สาธารณสุขกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีเรื่องใหม่ เช่น การแพทย์แผนไทยจะจัดเป็นวิชาชีพหรือไม่ และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอื่นๆ เช่น นักสาธารณสุข (รวมหมออนามัยด้วย) นักอาชีวอนามัย นักสุขาภิบาล กลุ่มเหล่านี้ไม่ได้มีกำหมายวิชาชีพเฉพาะของตนเอง สมควรได้รับการพิจารณาจัดเป็นวิชาชีพหรือไม่
3. มาตรฐานบริการสาธารณสุข ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เน้นให้ประชาชนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่ได้มาตรฐานอย่างทั่วถึง แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีองค์กรรับรองมาตรฐานของสถานบริการสาธารณสุขระดับต่างๆ และมีองค์กรทำหน้าที่รับรองมาตรฐาน โดยกำหนดกฎหมายไว้อย่างกว้างๆ
4. การจัดโครงสร้างกระทรวงใหม่ ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้อำนาจในการจัดโครงสร้าง กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ เป็นของฝ่ายบริหาร ฝ่ายบริหารออกเป็นพระราชกฤษฎีกาได้เลย ในส่วนของการปฏิรูปโครงสร้างกระทรวงสาธารณสุขจำเป็นจะต้องทำประชาพิจารณ์ด้วยว่า โครงสร้างและภาระกิจของกระทรวงและกรมต่างๆ ควรเป็นอย่างไร และควรจัดตั้งหน่วยใดบ้างเป็นองค์การมหาชนอิสระ
5. การบริหารงานบุคคลสำหรับข้าราชการสาธารณสุข ควรมีการพัฒนา อ.ก.พ. กระทรวงฯ ให้สามารถรองรับการกระจายอำนาจพิจารณาเรื่องสำคัญๆได้ ( แต่ ก.พ.จะต้องกระจายอำนาจให้กระทรวงฯและกรมฯ ในการบริหารบุคคลให้เป็นอิสระมากขึ้น
6. การจัดระบบการเงินการคลัง การงบประมาณ สาธารณสุข การผูกติดระบบงบประมาณ การเงิน การคลัง ไว้กับระบบใหญ่ของประเทศ ทำให้เกิดความไม่คล่องตัวในหลายเรื่อง เช่น การประกันสุขภาพ การตั้งกองทุนพัฒนาสุขภาพ อีกทั้งยังไม่สามารถป้องกันการทุจริตคอรัปชัน เกิดความไม่เป็นธรรมในการจัดสรร และตกถึงประชาชนคนยากจนน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบการจัดสรรงบประมาณระหว่างโรงพยาบาลกับสถานีอนามัย พบว่าได้รับในสัดส่วนที่ใกล้เคียง 50 : 50 ทั้งๆที่ฐานประชากรที่ต้องดูแลต่างกันมาก
7. การจัดบริการสาธารณสุขในท้องถิ่น จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมจัดบริการสาธารณสุข
จะเห็นว่าแต่ละเรื่องนั้น เป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ดังนั้นจะต้องมีองค์กรพิเศษทำงานแบบเต็มเวลา เข้ามาดูแลโดยเฉพาะ จนกว่าภาระกิจจะลุล่วงไป องค์กรที่ว่านี้จะต้องไม่ใช่แค่หน่วยงานวิจัยเท่านั้น จะต้องเป็นองค์กรปฏิบัติการที่มีความต่อเนื่องเป็นเวลานานพอสมควร จึงจะทำให้การปฏิรูปฯ เดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้
|
|
|
|
ความคิดเห็นของคุณกับบทความนี้
...
|
|
|
Knowledge Center |
|
|
knowledge
|
|
|
|
|
|
|
|
|