เหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของคนไทยในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นข่าวน้ำท่วมใหญ่ที่สร้างความเสียหายทั้งร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สินของผู้ประสบภัย เราจึงเห็นธารน้ำใจของคนไทยไหลหลั่งให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องติดตามต่อคือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา
สถานการณ์น้ำท่วมในปี 2553 นี้ครอบคลุมพื้นที่เกือบทุกภูมิภาคของประเทศไทย และในหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมก็เป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญ เช่น นครราชสีมา เป็นแหล่งเพาะปลูกมันสำปะหลังที่สำคัญของไทย ขณะที่ภาคกลาง เช่น ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ก็เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวที่สำคัญของไทย และภาคใต้ เช่น สงขลา สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ก็เป็นแหล่งปลูกยางพาราที่สำคัญ
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ประสบภัยน้ำท่วมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างถ้วนหน้า เพราะมีความเสี่ยงที่ผลผลิตทางการเกษตร อาทิ ธัญพืช ผักและผลไม้ จะขาดแคลน และเจอกับการคมนาคมขนส่งที่ยากลำบากมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาสินค้าเกษตรจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ความต้องการสินค้าเกษตรในตลาดโลกก็ยังคงอยู่ในระดับสูง เพราะทั้งประเทศผู้ผลิตและผู้นำเข้าสินค้าเกษตรรายสำคัญต่างได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติเช่นกัน
เมื่อราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น เกษตรกรก็จะได้รับผลดีหากยังพอมีผลผลิตทางการเกษตรเหลือพอให้ขาย ส่วนผู้บริโภคตาดำๆ ก็ต้องก้มหน้ารับสภาพราคาสินค้าเกษตรและอาหารแพงไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามหากเราเป็นนักลงทุน เราก็สามารถได้อานิสงค์จากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ หลายท่านอาจใช้วิธีลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้รับผลดีจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าเกษตร เราจึงเห็นราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากวิธีการดังกล่าวแล้ว เรายังสามารถลงทุนโดยตรงในสินค้าเกษตรชนิดนั้นๆ ได้เช่นกัน ด้วยการลงทุนผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ที่มีสินค้าเกษตรให้เลือกลงทุนหลากหลาย อาทิ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ข้าวขาว 5% และมันสำปะหลังเส้น ซึ่งล้วนเป็นสินค้าเกษตรที่ไทยเราเป็นผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของโลก
แม้หลายคนจะกล่าวว่า การลงทุนใน AFET เป็นเรื่องใหม่และซับซ้อน แต่ดิฉันกลับคิดว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การศึกษา เพราะเราสามารถสร้างผลกำไรได้ทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง เรียกได้ว่า เป็นตลาดที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.afet.or.th แหล่งข้อมูลข่าวสารที่สำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า และรายชื่อบรรดาบริษัทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้า หรือโบรกเกอร์ (Broker)ที่ยินดีให้คำแนะนำและรับคำสั่งซื้อขายของนักลงทุน และยังให้คำปรึกษาและดูแลเกี่ยวกับกระบวนการส่งมอบรับมอบสินค้าแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการส่งมอบรับมอบสินค้าจริงได้อีกด้วย เพียงเท่านี้เราสามารถสร้างเกราะความรู้ที่จะคุ้มครองเงินลงทุนให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญหากเราได้กำไรจากการลงทุนในสินค้าเกษตรแล้ว อย่าลืมแบ่งปันน้ำใจให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยนะคะ