HR Contribution

ในสภาพการณ์ของสังคมที่ความรู้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด และเป็นสิ่งจำเป็นของการเรียนรู้เพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับหน้าที่การงานและชีวิต ในฐานะที่ผู้เขียนทำงานในสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล จึงขอฝากเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับการทำงานไว้ให้ได้เรียนรู้กัน ทั้งผู้เขียนและท่านผู้อ่าน ในลักษณะเรียนรู้ร่วมกัน สรรค์สร้าง HR เพื่อความเป็นมืออาชีพนะครับ....

ในโลกการทำงานสมัยใหม่ ยิ่งเทคโนโลยีก้าวหน้ามากไปเท่าใด สื่อความรู้ที่เราพอจะหาได้เมื่อต้องเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เข้าไม่ถึง กระทั่งหนังสือที่ให้คำแนะนำเรื่องการเตรียมตัวสมัครงาน แทบจะหายไปจากชั้นขายหนังสือในร้านหนังสือน้อยใหญ่ คำแนะนำที่พอหาได้เหล่านี้  ซึ่งผมเองก็เคยเขียนบทความให้คำแนะนำไปบ้างทางเวบของสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (TPA writer) มองอย่างสร้างสรรค์แล้ว ก็เป็นสิ่งที่น่ารับฟังนำไปทดลองและทดสอบใช้งานจริง ฝึกฝนและจับประเด็นที่ต้องระแวดระวังไม่ให้พลาดเวลาสัมภาษณ์งาน นั่นจะเป็นประโยชน์อย่างที่สุดที่ผู้เขียนบทความนำเสนอเค้าตั้งใจบรรจงเขียนมันออกมา

อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานดีอย่างไร  ก็เป็นไปได้ที่จะพลาดเพราะอาจจะ “พูดดีจนไม่น่าเชื่อ” กลายเป็นหรือชวนให้คิดได้ว่าจะดีแต่พูด แล้วทำงานไม่เก่งหรือไม่ หลายคนที่เป็น recruiter ที่ผมเคยคุยให้มุมมองว่า “ดีเกินไป” จึงต้องบอกเลิก ไม่รับเข้าทำงาน ฯลฯ  ประเด็นที่น่าคิดต่อไปคือ มีอะไรที่คุณควรจะต้องระวังเวลาไปสัมภาษณ์งานบ้างล่ะ

ขอแชร์จากประสบการณ์สัก 7 เรื่องนะครับ    

1. อย่าขายตัวเองดีเกินไป  – อย่าบอกว่าคุณทำอะไรทุกอย่างด้วยตัวเอง มันจะดูไม่น่าเชื่อ ยิ่งคุณทำงานในตำแหน่งที่ไม่ได้ใหญ่โตมากนักและงานไม่ได้เป็นโครงการที่คุณจะทำคนเดียวได้จริง จงนำเสนอตัวเองอย่างตรงไปตรงมา และบอกสิ่งที่เป็นผลงานที่ดีของคุณที่ให้กับองค์กรก็น่าสนใจแล้ว

2. อย่าประเมินตัวเองต่ำเกินควร – การอ้างอิงงานที่ประสบความสำเร็จนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีและเพียงพอแล้ว และการทำงานในฐานะที่คุณเป็นสมาชิกของทีมก็เป็นสิ่งที่สะท้อนความสำเร็จได้อย่างน่าดีใจ มากกว่าที่คุณบอกว่า คุณนำทีม ทั้งที่อาจจะไม่ได้ทำจริง ผมเชื่อในใจว่า เราทำงานด้วยกันเป็นทีม ความสำเร็จจะไม่สะท้อนออกมาที่คนคนเดียว และผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ก็เชื่ออย่างผมนี่ล่ะครับ แต่หากคุณต้องนำทีมทำงานจริง เพราะเป็น project manager คุณจะต้องเล่าให้เห็นถึงมุมของการวางแผน การควบคุมติดตามและตรวจสอบ หรือประเมินผลการทำงานตามโครงการที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งสมน้ำสมเนื้อมากกว่าครับ  

3. อย่าคาดเดาว่าคนสัมภาษณ์จะรู้ประสบการณ์การทำงานของคุณ – เป็นเรื่องจริงครับ คุณมีประสบการณ์การทำงานเก่าอย่างไร เคยทำโครงการหรือผลงานอะไรมาบ้าง ไม่เล่าให้ฟังแล้วใครจะรู้ และเวลาเล่าให้ฟังนั้น คุณต้องสะท้อนให้ได้ว่าพฤติกรรมการทำงานที่คุณแสดงออกและทำให้งานประสบความสำเร็จคืออะไร แต่อย่าอธิบายเยิ่นเย้อนะครับ เอาแบบตรง ๆ กระชับชัดเจน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ต้องอาศัยการฝึกและเตรียมคำตอบที่ดีครับ   

4. อย่าโกหก – ผู้สมัครงานจำนวนไม่น้อย เล่าประสบการณ์การทำงานที่ไม่เคยทำอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  เสมือนกับว่าทำงานเสียเอง รู้ไส้ในอย่างดี ทั้งที่แค่เข้าร่วมประชุม ผมคิดว่า หากเรามีฝีมือจริง นำเสนอแค่ประสบการณ์เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นเหตุการณ์ที่ดีให้ผู้สัมภาษณ์ฟังก็ได้  ไม่ต้องเล่าในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำจริง เอาเป็นเอามาโดนซักฟอกเข้าจะตอบไม่ถูกก็ได้นะ  

5. อย่าพูดมากไป – จงฟังคำถามอย่างตั้งใจ เวลาที่คุณเข้ารับการสัมภาษณ์ แค่คุณขอให้ผู้สัมภาษณ์ทวนคำถามของคุณใหม่ ก็อาจถูกตัดคะแนนสัมภาษณ์ในใจลงไปแล้ว ฉะนั้น เมื่อคุณสัมภาษณ์ก็ควรฟังคำถามให้ดี หากไม่แน่ใจ  ไม่ขอคำถามซ้ำ แต่ถามกลับในประเด็นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อยืนยันว่าเราเข้าใจคำถามถูกต้อง และขอให้แสดงความสนใจเวลาถาม ไม่แสดงความท้อแท้สิ้นหวังเวลาสัมภาษณ์งาน เว้นแต่คุณก็ไม่คิดว่าจะร่วมงานแล้ว เพราะเหตุผลใดก็ตาม ขออนุญาตกลับโดยบอกเหตุผลว่าเตรียมตัวสัมภาษณ์ไม่ดี ขอสละสิทธิ์สัมภาษณ์ไปเสียเลยจะดูน่ารักกว่าเยอะ ไม่ต้องขอเข้าสัมภาษณ์ใหม่ เพราะคงยากที่จะได้รับโอกาสครับ  

6. อย่าหางานผ่าน headhunter – การสรรหาคนทำงานระดับบริหารในปัจจุบัน  หลายบริษัทชั้นน้ำนิยมใช้ช่องทางนี้ เพราะโดยธรรมชาติแล้วคนเก่งจะไม่หางานในช่องทางปกติ แต่เหล่านักล่าหัวนี้ จะมีศิลปะในการให้ได้มาซึ่งประวัติผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติชั้นเลิศอยู่เสมอ  แต่ผลที่ตามมาก็คือ การล่าค่าหัวมักจะไม่สิ้นสุด และไม่มีพันธะผูกพันว่า คนที่หามาจะไม่ถูก “ล่า” ต่อไปให้องค์กรอื่น ผมจึงเสนอว่า คนทำงานที่ไม่ใช่ระดับบริหารขั้นเทพทั้งหลาย ลองใช้วิธีการสมัครงานด้วยการส่งเมล์โดยตรงไปยังบริษัทที่คุณต้องการทำงานด้วยเลยดู โทรไปพูดคุยและอธิบายให้เห็นว่าคุณเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่เปิดรับนั้นก็เป็นการดีเช่นกันครับ  

7. อย่าทำอะไรซ้ำเดิม – ผมหมายถึง เคยเตรียมตัวสัมภาษณ์ เคยตอบคำถามอะไรอย่างไร ก็ทำแบบเดิม ๆ ไม่คิดจะปรับปรุงเพิ่มพูนทักษะอะไรเลย แบบนี้ ไม่ดี๊ไม่ดีครับ ตราบเท่าที่ทักษะของคนที่ทำงานสัมภาษณ์ยังพัฒนาไป จากเดิมเคยสัมภาษณ์แบบไร้โครงสร้าง และแบบเดิม (unstructured, traditional interviewing) มาเป็นแบบมีโครงสร้าง เน้นสมรรถนะในงาน (structured, competency-based approach) คุณในฐานะคนที่จะเข้ารับการสัมภาษณ์และไปหางานทำ จะหยุดอยู่นิ่งได้หรือไร

หากจะต้องไปสัมภาษณ์งานที่ไหน แล้วลองใช้คำแนะนำของผมที่ว่าไปได้ ได้ผลดีหรือไม่อย่างไร บอกด้วยนะ...