ในที่สุดเราก็มาถึงบ้านไผ่งาม แต่โรงทอผ้าอยู่ที่ไหนล่ะ ตั้งแต่เดินเข้ามายังไม่เห็นกี่ทอผ้าเลยสักตัว สอบถามชาวบ้าน ก็ชี้ให้เดินตรงไปจะเห็นอาคารหลังหนึ่ง สาว ๆ ในหมู่บ้านที่ว่างจากงานประจำจะไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น มีกี่ประจำกันทุกคน
พวกเราเดินเข้าไปได้พบกับประธานกลุ่มซึ่งได้ให้ข้อมูลว่าตั้งกลุ่มมาตั้งแต่ปี 2532 ตั้งแต่มีกี่เพียง 2 หลัง จนปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกเกือบ 100 หลังคาเรือนแล้ว ส่วนลายที่ทอก็จะเป็นลายน้ำไหลประยุกต์ตั้งชื่อไว้อย่างไพเราะว่า ลายน้ำไหลแก้มแตง น้ำไหลซ่อ น้ำไหลขลิบ น้ำไหลบ้าง น้ำไหลซ่อตีแตก ใครอยากรู้ว่าลายเป็นอย่างไร ก็คงต้องลองไปนั่งสังเกตดูเวลาน้ำไหลละกันนะ เพราะชาวบ้านเค้าว่าชื่อที่ตั้งและลายที่ทำก็ได้จินตนาการจากธรรมชาตินั่นเอง
ออกจากหมู่บ้าน รอรถโดยสารซึ่งไม่มีวี่แววจะผ่านมาสักคัน จนคิดว่าควรเดินไปเรื่อย ๆ โบกรถไปด้วยดีกว่า ไม่มีใครจอดเลยสักคัน ชักท้อแท้ ก้อพอดีมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า คนขับเป็นชายหนุ่มรูปงามมากับน้องสาว เมตตาพาพวกเราห้าคน (รวมคนขับ ก็เป็น 7) มาส่งยังบ้านดอนไชย ซึ่งเป็นกลุ่มทอผ้าอีกแห่ง
คนที่เคยโบกรถแล้วมีคนจอดรับคงรู้ดีว่านาทีนั้นพวกเรารู้สึกอย่างไร ขอบคุณอีกครั้งนะคะคนขับรถใจดีที่กรุณาพาสาว ๆ ทั้งห้านางมาถึงจุดหมายโดยปลอดภัย.....
|