วันนี้ก็จะขอเขียนเกี่ยวกับสุขภาพนะค่ะ  เคยได้ยินกันไหมค่ะว่า ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว  ใจเป็นตัวกำหนดความคิด ความคิดเป็นตัวกำหนดร่างกาย ให้กระทำอย่างที่ใจคิด คนเราถ้าจิตใจเข้มแข็ง แต่ร่างกายอ่อนแอ แต่ก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างปกติสุข แม้แต่บางทีที่บางคนเป็นโรคร้าย แต่ใจสบาย ทำใจได้  ว่าคนเราเกิดมาหนเดียว ตายหนเดียว ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่ไปยึดติดกับเรื่อง รัก โลภ โกรธ หลง มีสติในการครองชีวิตอยู่เสมอ กลับกลายเป็นโรคร้ายหายไปเองก็มี
                เคยสงสัยกันไหมค่ะว่า คนที่ตรอมใจตายนั้น เป็นไปได้อย่างไร อาการมันเป็นอย่างไร สำหรับเราเคยสงสัยว่า ทำไมต้องตายด้วย อาการตรอมใจมันเป็นอย่างไร ก็เลยได้ทดสอบอาการตรอมใจดู 1 ครั้ง  เคยฝึกพลังจิตขั้นพื้นฐานเอง อยู่ระยะหนึ่ง ก็เลยนำมาใช้ โดยการลองนอนนึกและคิดด้านลบทุกอย่างในสิ่งที่ตนเป็นทุกข์ ทั้งทุกข์ที่เป็นอดีต และมีอยู่ และทุกข์ในอนาคต นอนพร่ำเพ้อถึงทุกข์อันเป็นการลบอย่างสุดๆ เรียกได้ว่า คิดอย่างต้องการไม่มีชีวิตอยู่ประมาณชั่วโมงได้ ผลปรากฏว่า ร่างกายของเรามันตอบสนองทันที หมดแรง หัวใจเต้นอ่อนลงจากปกติ แทบจะไม่มีแรงขยับ ไม่อยากลุกจากที่นอนเลย เหมือนกับร่างกายจมลงไปในที่นอน  เมื่อรู้สภาพของกายที่เปลี่ยนไป และจิตที่อ่อนลงแล้ว เราก็ประจักษ์แล้วว่า ทำไมคนตรอมใจถึงตายได้ บางคนปีเดียวก็ตายได้  บางคนหลายปี บางคนถ้าตรอมใจหนักๆ ก็ตายไวหน่อย  ถ้าคนที่คิดหนักจนผมเปลี่ยนสีเลยก็มี  เราก็เลยรีบคิดด้านบวก สั่งให้จิตกลับมาเป็นปกติดั่งเดิม หยุดการคิดลบ คิดที่จะต่อสู้เอาชนะอุปสรรคต่างๆ ทั้งหลายให้จงได้ แรงกายก็กลับมา มีพลังขึ้นมาทันที เพื่อนๆ ที่ไม่ได้ฝึกพลังจิต หรือการฝึกสมาธิ อย่าลองนะค่ะ ไม่แนะนำ นำมาเล่าให้ฟัง เพื่อให้เพื่อนเห็นว่า จิตหรือใจของเรามันเป็นนายเราค่ะ มันสามารถสั่งการร่างกายเราได้อย่างดี
                ดังนั้น ถ้าเราเครียดมากๆ เสียใจมากๆ ทุกข์ใจมากๆ ขาดสติ ถ้าไม่ฆ่าตัวตายในบัดดล ก็อาจจะค่อยๆ ตรอมใจทีละเล็กทีละน้อย จนมีโรคแทรกซ้อนเข้ามา ทั้งๆที่แต่ก่อนเคยแข็งแรง ไม่น่าจะเป็นโรคใดๆได้ กลับมามีโรคร้ายเรียงรายเข้ามากันอย่างพร้อมเพรียงชนิดซื้อหนึ่ง ( คิดมาก ) แต่ได้ถึงห้า ( โรค ) สุดท้าย หาหมอเท่าไรก็ไม่หายเพราะคิดลบ ทานยาเท่าไรก็ไม่ดีขึ้น  ถ้าไม่ตายด้วยโรคใดโรคหนึ่งก่อนก็ตรอมใจตายแน่ๆค่ะๆ

                โดยปกติคนเราใช้จิตปกติอยู่แค่  7%  เท่านั้นนะคะ ที่เหลือ  93%  คือจิตใต้สำนึกที่เราไม่ได้ใช้ แต่ไม่ซะทีเดียว ร่างกายเรามันอัตโนมัติในสิ่งที่เคยปฏิบัติซ้ำ ๆ ก็มีการนำจิตใต้สำนึกมาใช้บ้าง จิตใต้สำนึกมีประโยชน์มหาศาลค่ะ แต่ก็ไม่สามมารถนำมาใช้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ผ่านการฝึกเพื่อดึงมันมาใช้ ถ้าใครอยากจะใช้มันก็ไปหาอ่านหนังสือและไปเรียนได้ค่ะ ที่มหาลัยธรรมศาสตร์มีการสอน เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังว่า มันดีอย่างไรกับการนำจิตใต้สำนึกมาใช้

                ขึ้นต้นก็เครียดแล้ว แล้วไหนละ เรื่องคลายเครียด ครึ่งหลังจะเขียนค่อนข้างสนุกสนานนะค่ะ ^___^

                เพื่อนๆ มีวิธีการคลายเครียดกันอย่างไรค่ะ ขอเสนอวิธีการคลายเครียด ไม่ให้คิดมาก เอาเป็นแบบว่า ไม่ต้องเสียตังค์ ทำได้ทันที ณ ขณะเครียด โดยงานไม่สามารถให้ออกไปเดินคลายเครียดได้ โทรศัพท์คุยกับเพื่อนคลายเครียดก็ไม่ได้ที่ทำงานห้าม เพื่อนที่รับฟังทุกข์บ่อยๆ ของเราหรือก็ไม่มี เพราะทุกข์เธอเยอะเหลือเกินจนเพื่อนฝูงระอา หรือต่อให้มีเพื่อนรับฟังได้ เธอก็แนะนำอะไรไม่ได้เลย  แทนที่จะลดเครียด กับกลายเป็นว่า ยิ่งคุยกับเพือนแล้วยิ่งเครียดเข้าไปอีก ลองวิธีแบบนี้ดูนะค่ะ

1.หัดเขียนหนังสือข้างที่ไม่ถนัด

ถ้าถนัดเขียนหนังสือมือขวา ก็ให้ หัดเขียนหนังสือมือซ้าย หัดมันตั้งแต่ กอ ไก่ ยัน ฮอ นก ฮูกกันไปเลย สระ วรรณยุกต์ หัดให้หมด ใครถนัดซ้าย ให้หัดขวา กระดาษที่ใช้แล้วของสำนักงานเอามาหัดเขียน หรือไม่ก็พกสมุดหัดเขียนเล่มเล็กๆ ไว้กับตัวไปเลย เครียดปุ๊บ หัดเขียนปั๊บ เขียนไปเรือ่ย  เขียน กอ ไก่ หนึ่งหน้า กระดาษ สองสาม สี่หน้ากระดาษ จนเขียนสวยกันไปเลย ประโยชน์ที่ได้รับก็ กลายเป็นว่า เขียนหนังสือได้สองมือ เมื่อยมือขวา ก็เขียนซ้าย มือซ้ายไม่ว่าง ก็เขียนขวา เวิร์คไหมละค่ะเพื่อนๆ

2.ท่องบทสวดมนต์

ถ้าใครคิดว่า บทสวดมนต์ศาสนาตัวเอง มันท่องแล้วทำให้ใจสบายขึ้น สงบไว สมาธิเกิดก็ทำเลยค่ะ แต่ถ้าใครทำแล้วไม่ได้ผล ให้เปลี่ยนไปท่องบทสวดมนต์ศาสนาอื่นค่ะ เช่น นับถือคริสต์ แต่ด้วยท่องบ่อย ขึ้นใจบางทีมันก็ช่วยไม่ได้ ช่วยได้ช้า ลองเปลี่ยนมาท่องบทสวดมนต์พุทธดู เราไม่ได้ลบหลู่หรือย้ายศาสนา แค่หาวิธีสงบจิต หยุดเครียด ท่องไปเลยบทสวดมนต์ที่มันยาวๆ แล้วก็บทที่สมัยเรียนอาจารย์ไม่บังคับท่อง ไอ้พวกที่ท่องประจำ อย่าไปท่องเลย มันง่ายไป ขอแนะให้ไปท่องบทสวดยากๆ เข้าไว้ ยากมากๆ ยิ่งดี อย่างเช่น บทสวดยอดพระกัณท์ไตรปิฏก ทำไมถึงแนะหรือค่ะ ก็เพราะว่า ภาษาของมันไงค่ะ อ่านยากเป็นที่สุดถ้าจะอ่านในคราวเดียวแล้วออกเสียงไม่ผิด ท่องไปเลยค่ะหมดรอบก็ท่องใหม่ถ้าใจยังไม่สงบ ก็ย้อนรอบท่องอีก ไหนจะบทไหว้ปาระมี 30 ทัส ก็เยอะดีค่ะ ยิ่งมีหลายบท ก็ท่องไปเถอะค่ะ จบเล่ม แล้วกลับมาท่องใหม่จนกว่าจะใจสงบ ผลที่ได้ ก็ใจสงบขึ้นทันตาเลยค่ะ และสำหรับคนที่ท่องบทสวดมนต์ประจำศาสนาตัวเองก็ได้บุญ ได้บารมีตามความเชื่อของศาสนาตัวเอง ส่วนใครที่ท่องบทสวดมนต์ต่างศาสนาก็อย่าไปคิดมาก แก่นแท้ของทุกศาสนาก็คือสอนให้คนเป็นคนดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีน้ำใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนซึ่งกันและกัน สร้างศาสนามาก็เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีสุข หลักธรรมคำสอนย่อมแตกต่างกันไปตามแต่ละศาสดาและภูมิประเทศ สังคม ขนบธรรมเนียม ประเพณีของแต่ละท้องถิ่นที่ศาสดากำเนิด

3.บันทึกไดอะรี่

พกติดตัวไปเลยค่ะ เครียดปุ๊บก็เขียนปั๊บ นายด่า เพื่อนว่า น้องดื้อ แฟนเถียง แม่บ่น เขียนใส่เข้าไป ถ้าไม่กลัวว่า วันใดจะมีคนอ่าน แล้วรุ้สึกไม่ดีก็เขียนแรงๆไปเลย เอาเป็นเขียนจนหายเจ็บใจกันไป แต่ถ้ากลัวก็ใช้แค่กระดาษแล้วเขียนบรรยายไปเลยเสร็จแล้วก็ฉีกทิ้ง ไม่หายก็เขียนใหม่ จนกว่าจะหาย

4.พับกระดาษเล่น

พับเป็นนกเป็นเรือ เป็นเสื้อ เป็นดาวเก็บใส่โหล เผลอๆ ทำเสร็จส่งเป็นของขวัญคนที่ทำให้เราโกรธได้อีก บอกไปเลยว่า ชิ้นเดียวในโลก ไม่สามารถหาซื้อได้จากที่ไหน เพื่อคุณโดยเฉพาะ ฮา... เขาเรียกยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ได้คลายเครียด ได้ความดี อาจจะเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีก็ได้ คนที่ด่าๆ ว่าๆ กลับจะคิดว่า  เออ ดีแฮะ ด่ามันไม่โกรธ มีให้ของขวัญทำด้วยมือให้ด้วย ดีไม่ดี เลื่อนขั้นไปได้ ใครจะรุ้ เป็นของแต่งบ้านไม่ต้องไปซื้อหากันให้เปลืองกระตังค์  ใครเครียดบ่อย ๆก็จะได้ของขวัญแจกเพื่อนๆในวันสำคัญต่างๆ เพลินไปเลย หนังสือสอนพับกระดาษเพียงเล่มเดียวราคาไม่แพง แต่คุ้มไปอีกนานเลยค่ะ

5.ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายแบบไหนนะที่ว่านั่งอยู่กับที่ ลุกไปไหนไม่ได้ ก็ทำได้เนี่ย เป็นวิธีที่ดีมากเลยค่ะ สำหรับหญิงเท่านั้นที่ทำได้และก็ดีสำหรับหญิงที่ผ่านการแต่งงานแล้ว หรือมีลุกมาแล้วด้วยนะคะ เหมือนนั่งเฉยๆ แต่ไม่เฉย ท่าออกกำลังกายที่ว่า ก็คือ ขมิบอวัยวะเพศค่ะ เกร็งช่องคลอด ปกติถ้าใครไม่เคยทำก็หัดทำได้แล้วค่ะ ยิ่งโกรธ เครียด หงุดหงิดมาก มันจะทำได้เยอะ แรงในการขมิบก็มาก และเกิดผลดีมากด้วยนะคะ ไม่ต้องไปทำมันเลยค่ะ พวกรีแพร์ให้เสียตังค์ ทำไม่ดีก็เจ็บตัวและก็เสียตังค์

กว่าจะหายโกรธคงทำกันเป็น 100 หนไปแล้ว ผลประโยชน์ของมันก็ไม่ต้องพูดถึงค่ะ หนังสือบอกกันมากมาย หมอสูตินารีฯมาพูดทางทีวีก็บ่อย ถ้าแต่ก่อนไม่เคยคิดจะทำก็เปลียนใจทำได้แล้วค่ะ พอโกรธสามีปุ๊บขมิบปั๊บ งอนปุ๊บขมิบปุ๊บ นายด่า เพื่อนไม่ได้ดั่งใจก็ทำปุ๊บ ประโยชน์ได้กับตัวเต็มๆๆ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวอีกแล้ว  ฮา.......

ฉบับนี้จบแค่นี้ก่อนนะค่ะ เขียนเพลินปาเข้าไปสองหน้ากระดาษA4เข้าไปแล้วค่ะ โอกาสหน้าจะหาวิธีคลายเครียดมาฝากกันอีกค่ะ สุดท้ายนี้ก็ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนโชคดีค่ะ

catsan  1/12/46

[email protected]